Category: Uncategorized

  • Daft Punk – One More Time แปลเพลงสากล


    One More Time เป็นเพลงจากคู่เพลงอิเล็กทรอนิกส์ชาวฝรั่งเศส Daft Punk และได้มีการร่วมร้องกับนักร้องชาวอเมริกันอย่าง Romanthon เพลงได้ถูกเปิดตัวครั้งแรกใน 30 พฤศจิกายน 2000 และถูกนำเข้าในอัลบั้ม Discovery (2001) ภายหลัง เพลงนั้นมีรูปแบบเป็น French house ซึ่งเป็นเพลงประเภทหนึ่งใน House เพลงได้ถูกเขียนโดย Thomas Bangalter, Guy-Manuel de Homem-Christo และ Anthony Moore ในขณะที่การดำเนินการผลิตควบคุมโดย Daft Punk ในเนื้อเพลงเป็นการพูดถึงการที่พวกเขาจะฉลองอีกสักครั้ง วันนี้เราจะมาแปลเพลงนี้กัน


    One more time
    One more time

    อีกครั้งเดียว
    อีกครั้งเดียว

    One more time
    We’re gonna celebrate
    Oh yeah, all right
    Don’t stop the dancing
    One more time
    We’re gonna celebrate
    Oh yeah, all right
    Don’t stop the dancing
    One more time
    We’re gonna celebrate
    Oh yeah, all right
    Don’t stop the dancing
    One more time
    We’re gonna celebrate
    Oh yeah
    One more time

    อีกครั้งเดียว
    เราจะมาเฉลิมฉลอง
    โอ้ ใช่เลย ถูกต้อง
    อย่าหยุดเต้น
    อีกครั้งเดียว
    เราจะมาเฉลิมฉลอง
    โอ้ ใช่เลย ถูกต้อง
    อย่าหยุดเต้น
    อีกครั้งเดียว
    เราจะมาเฉลิมฉลอง
    ใช่เลย ถูกต้อง
    อย่าหยุดเต้น
    อีกครั้งเดียว
    เราจะมาเฉลิมฉลอง
    โอ้ ใช่เลย
    อีกครั้งเดียว

    One more time
    We’re gonna celebrate
    Oh yeah, all right
    Don’t stop the dancing
    One more time
    We’re gonna celebrate
    Oh yeah
    Don’t stop the dancing
    One more time

    อีกครั้งเดียว
    เราจะมาเฉลิมฉลอง
    โอ้ ใช่เลย ถูกต้อง
    อย่าหยุดเต้น
    อีกครั้งเดียว
    เราจะมาเฉลิมฉลอง
    โอ้ ใช่เลย
    อย่าหยุดเต้น
    อีกครั้งเดียว

    Mmm, you know I’m just feeling
    Celebration tonight
    Celebrate
    Don’t wait too late
    Mmm, no
    We don’t stop
    You can’t stop
    We’re gonna celebrate
    One more time
    One more time
    One more time
    Celebration
    You know we’re gonna do it right, tonight
    Hey! Just feeling
    Music’s got me feeling the need
    Need, yeah
    Come on, all right
    We’re gonna celebrate
    One more time
    Celebrate and dance so free
    Music’s got me feeling so free
    Celebrate and dance so free
    One more time
    Music’s got me feeling so free
    We’re gonna celebrate
    Celebrate and dance so free
    One more time
    Music’s got me feeling so free
    We’re gonna celebrate
    Celebrate and dance so free
    One more time
    Music’s got me feeling so free
    We’re gonna celebrate
    Celebrate and dance so free
    One more time
    Music’s got me feeling so free
    We’re gonna celebrate
    Celebrate and dance so free
    One more time
    Music’s got me feeling so free
    We’re gonna celebrate
    Celebrate and dance so free

    อืม คุณรู้ว่าฉันสนุกกับ
    การเฉลิมฉลองในคืนนี้
    ฉลอง
    ไม่ต้องรอให้สายเกินไป
    อืม ไม่
    เราจะไม่หยุด
    คุณไม่สามารถหยุดได้
    เราจะมาเฉลิมฉลอง
    อีกครั้งเดียว
    อีกครั้งเดียว
    อีกครั้งเดียว
    การเฉลิมฉลอง
    คุณรู้ว่าเราจะทำมันในคืนนี้
    เฮ้ เพียงสนุกไปกับมัน
    เสียงเพลงทำให้รู้สึกสึกตามต้องการ
    ต้องการ ใช่แล้ว
    มาเถอะ ถูกต้องแล้ว
    เราจะมาเฉลิมฉลอง
    อีกครั้งเดียว
    ฉลองและเต้นอย่างอิสระ
    เสียงเพลงทำให้ฉันรู้สึกอิสระ
    ฉลองและเต้นอย่างอิสระ
    อีกครั้งเดียว
    เสียงเพลงทำให้ฉันรู้สึกอิสระ
    เราจะมาเฉลิมฉลอง
    ฉลองและเต้นอย่างอิสระ
    อีกครั้งเดียว
    เสียงเพลงทำให้ฉันรู้สึกอิสระ
    เราจะมาเฉลิมฉลอง
    ฉลองและเต้นอย่างอิสระ
    อีกครั้งเดียว
    เสียงเพลงทำให้ฉันรู้สึกอิสระ
    เราจะมาเฉลิมฉลอง
    ฉลองและเต้นอย่างอิสระ
    อีกครั้งเดียว
    เสียงเพลงทำให้ฉันรู้สึกอิสระ
    เราจะมาเฉลิมฉลอง
    ฉลองและเต้นอย่างอิสระ
    อีกครั้งเดียว
    เสียงเพลงทำให้ฉันรู้สึกอิสระ
    เราจะมาเฉลิมฉลอง
    ฉลองและเต้นอย่างอิสระ

    One more time
    Music’s got me feeling so free
    We’re gonna celebrate
    Celebrate and dance so free
    One more time
    Music’s got me feeling so free
    We’re gonna celebrate
    Celebrate and dance so free
    One more time
    Music’s got me feeling so free
    We’re gonna celebrate
    Celebrate and dance so free
    One more time
    Music’s got me feeling so free
    We’re gonna celebrate
    Celebrate and dance so free
    One more time
    Music’s got me feeling so free
    We’re gonna celebrate
    One more time
    Music’s got me feeling so free
    We’re gonna celebrate
    Celebrate and dance so free
    One more time
    Music’s got me feeling so free
    We’re gonna celebrate
    Celebrate and dance so free

    อีกครั้งเดียว
    เสียงเพลงทำให้ฉันรู้สึกอิสระ
    เราจะมาเฉลิมฉลอง
    ฉลองและเต้นอย่างอิสระ
    อีกครั้งเดียว
    เสียงเพลงทำให้ฉันรู้สึกอิสระ
    เราจะมาเฉลิมฉลอง
    ฉลองและเต้นอย่างอิสระ
    อีกครั้งเดียว
    เสียงเพลงทำให้ฉันรู้สึกอิสระ
    เราจะมาเฉลิมฉลอง
    ฉลองและเต้นอย่างอิสระ
    อีกครั้งเดียว
    เสียงเพลงทำให้ฉันรู้สึกอิสระ
    เราจะมาเฉลิมฉลอง
    ฉลองและเต้นอย่างอิสระ
    อีกครั้งเดียว
    เสียงเพลงทำให้ฉันรู้สึกอิสระ
    เราจะมาเฉลิมฉลอง
    อีกครั้งเดียว
    เสียงเพลงทำให้ฉันรู้สึกอิสระ
    เราจะมาเฉลิมฉลอง
    ฉลองและเต้นอย่างอิสระ
    อีกครั้งเดียว
    เสียงเพลงทำให้ฉันรู้สึกอิสระ
    เราจะมาเฉลิมฉลอง
    ฉลองและเต้นอย่างอิสระ

    One more time
    Music’s got me feeling so free
    We’re gonna celebrate
    Celebrate and dance so free
    One more time
    Music’s got me feeling so free
    We’re gonna celebrate
    Celebrate and dance so free
    One more time
    Music’s got me feeling so free
    We’re gonna celebrate
    Celebrate and dance so free
    One more time
    Music’s got me feeling so free
    We’re gonna celebrate
    Celebrate and dance so free

    อีกครั้งเดียว
    เสียงเพลงทำให้ฉันรู้สึกอิสระ
    เราจะมาเฉลิมฉลอง
    ฉลองและเต้นอย่างอิสระ
    อีกครั้งเดียว
    เสียงเพลงทำให้ฉันรู้สึกอิสระ
    เราจะมาเฉลิมฉลอง
    ฉลองและเต้นอย่างอิสระ
    อีกครั้งเดียว
    เสียงเพลงทำให้ฉันรู้สึกอิสระ
    เราจะมาเฉลิมฉลอง
    ฉลองและเต้นอย่างอิสระ
    อีกครั้งเดียว
    เสียงเพลงทำให้ฉันรู้สึกอิสระ
    เราจะมาเฉลิมฉลอง
    ฉลองและเต้นอย่างอิสระ

  • Sub Focus – Turn Back Time แปลเพลงสากล


    Turn Back Time เป็นเพลงของดีเจและโปรดิวเซอร์เพลงชาวอังกฤษ Sub Focus ได้ร่วมร้องกับนักร้องชาวอังกฤษ Yolanda Quartey เพลงได้เปิดตัวใน 20 ธันวาคม 2013 เป็นซิงเกิลที่หกจากอัลบั้มสตูดิโอที่สองของเขา Torus (2013) เพลงได้ถูกเขียนโดย Nick Douwma, Yolanda Quartey, Todd Terry, Kim English และ Frankie Feliciano ในขณะที่การดำเนินการผลิตควบคุมโดย Sub Focus ในเนื้อเพลงนั้นเป็นเพลงเกี่ยวกับการคิดถึงคนรักที่เคยอยู่ด้วยกัน และเขาอยากจะย้อนเวลากลับไปหาวันเหล่านั้น วันนี้เราจะมาแปลเพลงนี้กัน


    Brush off my shoulders, but not ’cause it’s colder
    Will it get better, now that we’re older?
    Remember the feeling, a deeper emotion
    To be high as a mountain, as deep as the ocean

    ปัดออกจากไหล่ของฉัน แต่นั่นไม่ได้ทำให้มันหนาวขึ้น
    มันจะดีขึ้นไหม ตอนนี้เรากำลังแก่ลงใช่ไหม
    จำความรู้สึกได้ไหม ความรู้สึกลึกๆ ของเราไง
    ที่มันสูงเหมือนภูเขา และลึกเท่ามหาสมุทร

    How I wish I could turn back time
    How I wish I could turn back time
    How I wish I could turn back time
    How I wish I could turn back time
    How I wish I could turn back time

    ฉันหวังว่าฉันจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้
    ฉันหวังว่าฉันจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้
    ฉันหวังว่าฉันจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้
    ฉันหวังว่าฉันจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้
    ฉันหวังว่าฉันจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้

    How I wish I could turn back time
    How I wish I could turn back time
    How I wish I could turn back time
    How I wish I could turn back time
    How I wish I could turn back time
    How I wish I could turn back time

    ฉันหวังว่าฉันจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้
    ฉันหวังว่าฉันจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้
    ฉันหวังว่าฉันจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้
    ฉันหวังว่าฉันจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้
    ฉันหวังว่าฉันจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้
    ฉันหวังว่าฉันจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้

    Oh, I just hate being without you
    It’s just another thing to break through
    Carry the hurt I dare not speak it
    Bring back the love that we all believe in

    โอ้ ฉันแค่เกลียดการที่ไม่ได้อยู่กับคุณ
    มันเป็นเพียงอีกสิ่งที่จะต้องผ่านไปให้ได้
    เก็บความเจ็บปวดเอาไว้ ฉันกล้าบอกว่าฉันจะไม่พูดมันออกมา
    เพื่อนำความรักที่เราทุกคนเชื่อกลับคืนมา

    How I wish I could turn back time
    How I wish I could turn back time
    How I wish I could turn back time
    How I wish I could turn back time
    How I wish I could turn back time

    ฉันหวังว่าฉันจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้
    ฉันหวังว่าฉันจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้
    ฉันหวังว่าฉันจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้
    ฉันหวังว่าฉันจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้
    ฉันหวังว่าฉันจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้

    How I wish I could turn back time
    How I wish I could turn back time
    How I wish I could turn back time
    How I wish I could turn back time
    How I wish I could turn back time
    How I wish I could turn back time

    ฉันหวังว่าฉันจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้
    ฉันหวังว่าฉันจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้
    ฉันหวังว่าฉันจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้
    ฉันหวังว่าฉันจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้
    ฉันหวังว่าฉันจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้
    ฉันหวังว่าฉันจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้


    brush off someone/something:
    to refuse to consider what someone says, or to not admit that something may be true or important:
    เพื่อปฏิเสธการพิจารณาในสิ่งที่คนบางคนพูด หรือการไม่ยอมรับว่าบางอย่างจะเป็นจริงหรือสำคัญ
    ที่มา: https://dictionary.cambridge.org/dictionary/english/brush-off-someone-something

  • Bastille – Pompeii แปลเพลงสากล


    Pompeii เป็นเพลงของวงดนตรีอินดี้-ร็อคอังกฤษ Bastille เพลงได้เปิดตัวใน 12 มกราคม 2013 เป็นซิงเกิลที่สี่จากการเปิดตัวอัลบั้มแรกของพวกเขา Bad Blood (2013) เพลงได้ถูกเขียนโดย Dan Smith และมี Mark Crew มาช่วยดำเนินการผลิต ในชื่อและเนื้อร้องของเพลงนั้นเป็นการอ้างถึงเมืองปอมเปอีที่ถูกทำลายและถูกฝังจากการปะทุของภูเขาไฟวิสุเวียในปี 79 AD สำหรับ Music video นั้นเปิดตัวใน 20 มกราคม 2013 โดยเรื่องราวในวิดีโอนั้นเป็นการเปรียบเทียบกับการปะทุของภูเขาไฟวิสุเวียสในปอมเปอีนั่นเอง วันนี้เราจะมาแปลเพลงนี้กัน


    Eh, eheu, eheu
    Eh, eheu, eheu
    Eh, eheu, eheu
    Eh, eheu, eheu
    Eh, eheu, eheu
    Eh, eheu, eheu
    Eh, eheu, eheu
    Eh, eheu, eheu

    เอท เอทอู เอทอู
    เอท เอทอู เอทอู
    เอท เอทอู เอทอู
    เอท เอทอู เอทอู
    เอท เอทอู เอทอู
    เอท เอทอู เอทอู
    เอท เอทอู เอทอู
    เอท เอทอู เอทอู

    I was left to my own devices
    Many days fell away with nothing to show

    ฉันได้ออกไปเพื่อใช้ชีวิตด้วยตัวเอง
    หลายวันที่ได้จากไป กับการที่ไม่มีอะไรที่จะไปแสดง

    And the walls kept tumbling down in the city that we love
    Great clouds roll over the hills, bringing darkness from above

    และกำแพงในเมืองที่เรารัก ก็กำลังพังทลายลง
    เมฆก้อนใหญ่แผ่ซ่านไปทั่วเนินเขา นำความมืดมาจากด้านบน

    But if you close your eyes
    Does it almost feel like nothing changed at all?
    And if you close your eyes
    Does it almost feel like you’ve been here before?
    How am I going to be an optimist about this?
    How am I going to be an optimist about this?

    แต่ถ้าคุณลองหลับตาลง
    มันเกือบจะรู้สึกเหมือนว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย
    และถ้าคุณลองหลับตาลง
    มันเกือบจะรู้สึกเหมือนว่าคุณไม่เคยมาที่นี่มาก่อนเลย
    แล้วฉันจะเป็นคนมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างไร
    แล้วฉันจะเป็นคนมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างไร

    We were caught up and lost in all of our vices
    In your pose as the dust settled around us

    เราถูกจับได้และสูญเสียในความชั่วร้ายทั้งหมดของเรา
    ในท่าทางของคุณขณะที่ฝุ่นล้อมรอบตัวเรา

    And the walls kept tumbling down in the city that we love
    Great clouds roll over the hills, bringing darkness from above

    และกำแพงในเมืองที่เรารัก ก็กำลังพังทลายลง
    เมฆก้อนใหญ่แผ่ซ่านไปทั่วเนินเขา นำความมืดมาจากด้านบน

    But if you close your eyes
    Does it almost feel like nothing changed at all?
    And if you close your eyes
    Does it almost feel like you’ve been here before?
    How am I going to be an optimist about this?
    How am I going to be an optimist about this?

    แต่ถ้าคุณลองหลับตาลง
    มันเกือบจะรู้สึกเหมือนว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย
    และถ้าคุณลองหลับตาลง
    มันเกือบจะรู้สึกเหมือนว่าคุณไม่เคยมาที่นี่มาก่อนเลย
    แล้วฉันจะเป็นคนมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างไร
    แล้วฉันจะเป็นคนมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างไร

    Oh, where do we begin, the rubble or our sins?
    Oh, where do we begin, the rubble or our sins?

    โอ้ เราจะเริ่มต้นที่ไหนดี จากเศษหินหรือความบาปของเรา
    โอ้ เราจะเริ่มต้นที่ไหนดี จากเศษหินหรือความบาปของเรา

    And the walls kept tumbling down in the city that we love
    (Oh, where do we begin, the rubble or our sins?)
    Great clouds roll over the hills bringing darkness from above
    (Oh, where do we begin, the rubble or our sins?)

    และกำแพงในเมืองที่เรารัก ก็กำลังพังทลายลง
    (โอ้ เราจะเริ่มต้นที่ไหนดี จากเศษหินหรือความบาปของเรา)
    เมฆก้อนใหญ่แผ่ซ่านไปทั่วเนินเขา นำความมืดมาจากด้านบน
    (โอ้ เราจะเริ่มต้นที่ไหนดี จากเศษหินหรือความบาปของเรา)

    But if you close your eyes
    Does it almost feel like nothing changed at all?
    And if you close your eyes
    Does it almost feel like you’ve been here before?
    How am I going to be an optimist about this?
    How am I going to be an optimist about this?
    If you close your eyes
    Does it almost feel like nothing changed at all?

    แต่ถ้าคุณลองหลับตาลง
    มันเกือบจะรู้สึกเหมือนว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย
    และถ้าคุณลองหลับตาลง
    มันเกือบจะรู้สึกเหมือนว่าคุณไม่เคยมาที่นี่มาก่อนเลย
    แล้วฉันจะเป็นคนมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างไร
    แล้วฉันจะเป็นคนมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างไร
    แต่ถ้าคุณลองหลับตาลง
    มันเกือบจะรู้สึกเหมือนว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย

    Eh, eheu, eheu
    Eh, eheu, eheu
    Eh, eheu, eheu
    Eh, eheu, eheu
    Eh, eheu, eheu
    Eh, eheu, eheu
    Eh, eheu, eheu
    Eh, eheu, eheu

    เอท เอทอู เอทอู
    เอท เอทอู เอทอู
    เอท เอทอู เอทอู
    เอท เอทอู เอทอู
    เอท เอทอู เอทอู
    เอท เอทอู เอทอู
    เอท เอทอู เอทอู
    เอท เอทอู เอทอู


    Leave to own devices:
    To let one rely on oneself, without any help or other interference.
    เพื่อพึ่งพาตัวเองโดยไม่มีการช่วยเหลือหรือการแทรกแซงจากคนอื่นๆ
    ที่มา: https://idioms.thefreedictionary.com/leave+to+own+devices

    Fall away:
    if something falls away, it breaks off from the thing it was fixed to
    ออกจากสิ่งที่เคยกำหนดไว้ หรืออยู่ด้วย
    ที่มา: https://www.macmillandictionary.com/dictionary/british/fall-away

  • The Script – Superheroes แปลเพลงสากล


    Superheroes เป็นเพลงของวงดนตรีป๊อป-ร็อคไอริช The Script เพลงได้ถูกเปิดตัวโดยค่ายเพลง Columbia Records ใน 22 กรกฎาคม 2014 เป็นซิงเกิลนำจากการโปรโมทอัลบั้ม No Sound Without Silence (2014) เพลงได้ถูกเขียนโดย Danny O’Donoghue และ Mark Sheehan โดยพวกเขาบอกว่า Superheroes เป็นเพลงที่ร้องให้กับฮีโร่ทุกคนในโลกนี่ที่ไม่ได้รับการยกย่อง เพราะทุกคนที่พยายามต่อสู้กับช่วงเวลาที่ยากลำบากของพวกเขาเพื่อทำให้ทุกอย่างดีขึ้นนั้นเปรียบเสมือนกับฮีโร่ วันนี้เราจะมาแปลเพลงนี้กัน


    All her life, she has seen
    All the meaner side of me
    They took away the prophet’s dream
    For a profit on the street
    Now she’s stronger than you know
    A heart of steel starts to grow

    ตลอดชีวิตเธอได้เห็น
    คนไม่หวังดีทั้งหมดที่อยู่รอบข้างฉัน
    พวกเขาได้พรากเอาความฝันของท่านศาสดาไป
    เพื่อหาผลกำไรบนท้องถนน (กำไรอันน้อยนิด)
    ตอนนี้เธอแข็งแกร่งขึ้นกว่าที่คุณรู้
    หัวใจเหล็กกล้าได้เริ่มต้นที่จะเติบโต

    All his life, he’s been told
    He’ll be nothing when he’s old
    All the kicks and all the blows
    He won’t ever let it show
    Because he’s stronger than you know
    A heart of steel starts to grow

    ตลอดชีวิตของเขา เขาได้รับการบอกกล่าว
    ว่าเขาจะไม่มีอะไรเลยเมื่อเขาแก่
    ความผิดหวังและความเสียใจทั้งหมด
    เขาจะไม่ปล่อยให้มันแสดงออกมา
    เพราะเขาแข็งแกร่งกว่าที่คุณรู้
    หัวใจเหล็กกล้าได้เริ่มต้นที่จะเติบโต

    When you’ve been fighting for it all your life
    You’ve been struggling to make things right
    That’s a how a superhero learns to fly
    (Every day, every hour, turn that pain into power)
    When you’ve fighting for it all your life
    You’ve been working every day and night
    That’s a how a superhero learns to fly
    (Every day, every hour, turn that pain into power)

    เมื่อคุณได้ต่อสู้กับมันตลอดทั้งชีวิตของคุณ
    คุณได้พยายามที่จะทำให้ทุกสิ่งโอเค
    นั่นเป็นวิธีที่ซูเปอร์ฮีโร่เรียนรู้ที่จะบิน
    (ทุกวัน ทุกชั่วโมง เปลี่ยนความเจ็บปวดนั้นให้เป็นพลัง)
    เมื่อคุณได้ต่อสู้กับมันตลอดทั้งชีวิตของคุณ
    คุณได้ทำงานทุกวันและทุกคืน
    นั่นเป็นวิธีที่ซูเปอร์ฮีโร่เรียนรู้ที่จะบิน
    (ทุกวัน ทุกชั่วโมง เปลี่ยนความเจ็บปวดนั้นให้เป็นพลัง)

    All the hurt, all the lies
    All the tears that they cry
    When the moment is just right
    You’ll see fire in their eyes
    Because they’re stronger than you know
    A heart of steel starts to grow

    ความเจ็บปวดและคำโกหกทั้งหมด
    น้ำตาทั้งหมดที่พวกเขาร้องไห้ออกมา
    เมื่อมันเป็นช่วงเลาที่เหมาะสม
    คุณจะเห็นไฟในดวงตาของพวกเขา
    เพราะพวกเขาแข็งแรงกว่าที่คุณรู้จัก
    หัวใจเหล็กกล้าได้เริ่มต้นที่จะเติบโต

    When you’ve been fighting for it all your life
    You’ve been struggling to make things right
    That’s a how a superhero learns to fly
    Every day, every hour, turn that pain into power
    When you’ve fighting for it all your life
    You’ve been working every day and night
    That’s a how a superhero learns to fly
    Every day, every hour, turn that pain into power
    Every day, every hour, turn that pain into power
    Every day, every hour, turn that pain into power

    เมื่อคุณได้ต่อสู้กับมันตลอดทั้งชีวิตของคุณ
    คุณได้พยายามที่จะทำให้ทุกสิ่งโอเค
    นั่นเป็นวิธีที่ซูเปอร์ฮีโร่เรียนรู้ที่จะบิน
    ทุกวัน ทุกชั่วโมง เปลี่ยนความเจ็บปวดนั้นให้เป็นพลัง
    เมื่อคุณได้ต่อสู้กับมันตลอดทั้งชีวิตของคุณ
    คุณได้ทำงานทุกวันและทุกคืน
    นั่นเป็นวิธีที่ซูเปอร์ฮีโร่เรียนรู้ที่จะบิน
    ทุกวัน ทุกชั่วโมง เปลี่ยนความเจ็บปวดนั้นให้เป็นพลัง
    ทุกวัน ทุกชั่วโมง เปลี่ยนความเจ็บปวดนั้นให้เป็นพลัง
    ทุกวัน ทุกชั่วโมง เปลี่ยนความเจ็บปวดนั้นให้เป็นพลัง

    She’s got lions in her heart, a fire in her soul
    He’s got a beast in his belly, but it’s so hard to control
    Cause they’ve taken too much hits take it blow by blow
    Now light a match, stand back, watch them explode
    She’s got lions in her heart, a fire in her soul
    He’s got a beast in his belly, but it’s so hard to control
    Cause they’ve taken too much hits, take it blow by blow
    Now light a match, stand back, watch them explode

    เธอมีสิงโตอยู่ในหัวใจของเธอ มีไฟในดวงวิญญาณของเธอ
    เขามีสัตว์ร้ายอยู่ในตัวของเขา แต่มันไม่ยากที่จะควบคุม
    เพราะพวกเขาได้รับมันมากพอแล้ว ในสิ่งที่พวกเขาต่อสู้มา
    ตอนเราเพียงนี้จุดพลุขึ้นมา และยืนดูมันระเบิดออก
    เธอมีสิงโตอยู่ในหัวใจของเธอ มีไฟในดวงวิญญาณของเธอ
    เขามีสัตว์ร้ายอยู่ในตัวของเขา แต่มันไม่ยากที่จะควบคุม
    เพราะพวกเขาได้รับมันมากพอแล้ว ในสิ่งที่พวกเขาต่อสู้มา
    ตอนเราเพียงนี้จุดพลุขึ้นมา และยืนดูมันระเบิดออก

    When you’ve been fighting for it all your life
    You’ve been struggling to make things right
    That’s a how a superhero learns to fly
    Every day, every hour, turn that pain into power
    When you’ve fighting for it all your life
    You’ve been working every day and night
    That’s a how a superhero learns to fly
    Every day, every hour, turn that pain into power
    Every day, every hour, turn that pain into power
    Every day, every hour, turn that pain into power
    When you’ve been fighting for it all your life
    You’ve been struggling to make things right
    That’s a how a superhero learns to fly

    เมื่อคุณได้ต่อสู้กับมันตลอดทั้งชีวิตของคุณ
    คุณได้พยายามที่จะทำให้ทุกสิ่งโอเค
    นั่นเป็นวิธีที่ซูเปอร์ฮีโร่เรียนรู้ที่จะบิน
    ทุกวัน ทุกชั่วโมง เปลี่ยนความเจ็บปวดนั้นให้เป็นพลัง
    เมื่อคุณได้ต่อสู้กับมันตลอดทั้งชีวิตของคุณ
    คุณได้ทำงานทุกวันและทุกคืน
    นั่นเป็นวิธีที่ซูเปอร์ฮีโร่เรียนรู้ที่จะบิน
    ทุกวัน ทุกชั่วโมง เปลี่ยนความเจ็บปวดนั้นให้เป็นพลัง
    ทุกวัน ทุกชั่วโมง เปลี่ยนความเจ็บปวดนั้นให้เป็นพลัง
    ทุกวัน ทุกชั่วโมง เปลี่ยนความเจ็บปวดนั้นให้เป็นพลัง
    มื่อคุณได้ต่อสู้กับมันตลอดทั้งชีวิตของคุณ
    คุณได้พยายามที่จะทำให้ทุกสิ่งโอเค
    นั่นเป็นวิธีที่ซูเปอร์ฮีโร่เรียนรู้ที่จะบิน


    Meaner:
    someone who isn’t being nice to you, pest
    คนบางคนที่ไม่ประสงค์ดีกับคุณ หรือเป็นศรัตรูของคุณ
    ที่มา: https://www.urbandictionary.com/define.php?term=meaner

    Prophet: หมายถึง ศาสดา หรือผู้เผยพระวจนะ

    Blow by blow:
    A blow-by-blow description contains every detail and action of an event:
    เป็นการอธิบายรายละเอียดทุกอย่างของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
    ที่มา: https://dictionary.cambridge.org/dictionary/english/blow-by-blow

  • lovelytheband – broken แปลเพลงสากล


    เพลง broken เป็นเพลงของวง lovelytheband ที่ประกอบไปด้วยสมาชิก 3 คนได้แก่ Mitchy Collins (ร้องนำ) Jordan Greenwald (กีตาร์) และ Sam Price (มือกลอง) เพลงนี้ถูกปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 7 กรกฏาคม 2017 เนื้อเพลงพูดถึงหนุ่มสาวสองคนที่ต่างอกหัก ได้มาพบเจอกันที่งานปาร์ตี้ ความเสียใจจากความรักครั้งเก่ากลายมาเป็นโอกาสทองที่ทำให้ผมและคุณได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง วันนี้เรามาแปลเพลงนี้กันค่ะ


    I like that you’re broken
    Broken like me
    Maybe that makes me a fool
    I like that you’re lonely
    Lonely like me
    I could be lonely with you

    ผมชอบที่คุณถูกทำให้เสียใจ
    เหมือนกับผม
    บางทีนี้อาจทำให้ผมโง่
    ผมชอบที่คุณโดดเดี่ยว
    โดดเดี่ยวเหมือนที่ผมเป็น
    มันทำให้ผมสามารถอยู่ตามลำพังกับคุณ

    I met you late night, at a party
    Some trust fund baby’s Brooklyn loft
    By the bathroom, you said let’s talk
    But my confidence is wearing off

    ผมได้พบคุณตอนดึก ที่ปาร์ตี้
    ห้องใต้หลังคาของลูกเศรษฐีตระกูล Brooklyn
    ที่ห้องน้ำ คุณพูดว่า คุยกันหน่อยสิ
    แต่ความมั่นใจของผมมันค่อยๆ หายไป

    These aren’t my people
    These aren’t my friends
    She grabbed my face and
    That’s when she said

    คนมากมายที่นี้ไม่ใช่คนที่ฉันรู้จัก
    ผู้คนเหล่านี้ไม่ใช่เพื่อนของฉัน
    หล่อนโอบใบหน้าผม
    เมื่อเธอพูด

    I like that you’re broken
    Broken like me
    Maybe that makes me a fool
    I like that you’re lonely
    Lonely like me
    I could be lonely with you

    ผมชอบที่คุณถูกทำให้เสียใจ
    เหมือนกับผม
    บางทีนี้อาจทำให้ผมโง่
    ผมชอบที่คุณโดดเดี่ยว
    โดดเดี่ยวเหมือนที่ผมเป็น
    มันทำให้ผมสามารถอยู่ตามลำพังกับคุณ

    There’s something tragic, but almost pure
    Think I could love you, but I’m not sure
    There’s something wholesome, there’s something sweet
    Tucked in your eyes that I’d love to meet

    มีบางสิ่งทีน่าเศร้า แต่ไม่ทั้งหมดหรอก
    คุณลองคิดดูสิ ถ้าผมรักคุณ แต่ผมไม่มั่นใจ
    บางสิ่งจะดีขึ้นจริงไหม ความรักจะหวานหรือเปล่า
    คืนนั้นผมมองตาคุณ มันทำให้ผมอยากเจอคุณอีก

    These aren’t my people
    These aren’t my friends
    She grabbed my face and
    That’s when she said

    คนมากมายที่นี้ไม่ใช่คนที่ฉันรู้จัก
    ผู้คนเหล่านี้ไม่ใช่เพื่อนของฉัน
    หล่อนโอบใบหน้าผม
    เมื่อเธอพูด

    I like that you’re broken
    Broken like me
    Maybe that makes me a fool
    I like that you’re lonely
    Lonely like me
    I could be lonely with you

    ผมชอบที่คุณถูกทำให้เสียใจ
    เหมือนกับผม
    บางทีนี้อาจทำให้ผมโง่
    ผมชอบที่คุณโดดเดี่ยว
    โดดเดี่ยวเหมือนที่ผมเป็น
    มันทำให้ผมสามารถอยู่ตามลำพังกับคุณ

    Life is not a love song that we like
    We’re all broken pieces floating by
    Life is not a love song we can try
    To fix our broken pieces one at a time

    ชีวิตไม่ใช่เพลงรักที่เราชอบ
    เราต่างถูกทำร้ายความรู้สึกออกเป็นเสี่ยงๆ กระจายออกไป
    ชีวิตไม่ใช่เพลงรัก ดังนั้นเราสามารถลอง
    ซ่อมแซมความรู้สึกของเราได้ทีละคน

    I like that you’re broken
    Broken like me
    Maybe that makes me a fool
    I like that you’re lonely
    Lonely like me
    I could be lonely with you
    I like that you’re broken
    Broken like me
    Maybe that makes me a fool
    I like that you’re lonely
    Lonely like me
    I could be lonely with you

    ผมชอบที่คุณถูกทำให้เสียใจ
    เหมือนกับผม
    บางทีนี้อาจทำให้ผมโง่
    ผมชอบที่คุณโดดเดี่ยว
    โดดเดี่ยวเหมือนที่ผมเป็น
    มันทำให้ผมสามารถอยู่ตามลำพังกับคุณ
    ผมชอบที่คุณถูกทำให้เสียใจ
    เหมือนกับผม
    บางทีนี้อาจทำให้ผมโง่
    ผมชอบที่คุณโดดเดี่ยว
    โดดเดี่ยวเหมือนที่ผมเป็น
    มันทำให้ผมสามารถอยู่ตามลำพังกับคุณ


    wear off:
    If a feeling or the effect of something wears off, it gradually disappears
    ความรู้สึกหรืออิทธิพลของบางสิ่ง ค่อยๆ จางหายไป
    ที่มา: https://dictionary.cambridge.org/dictionary/english/wear-off

    I’d love to:
    used for saying that you would like to do what someone has suggested
    ใช้พูดเมื่อคุณชอที่จะทำอะไรที่คนอื่นแนะนำ
    ที่มา: https://www.macmillandictionary.com/dictionary/british/i-d-love-to

    tragic – โศรกเศร้า อนาถ วิปโยค

    wholesome – เป็นประโยชน์ เป็นสิ่งที่ดีต่อเรา

    *หากผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะคะ ผู้อ่านสามารถแนะนำติชมได้ที่กล่องแสดงความคิดเห็นข้างล่างค่ะ

  • Lukas Graham – Love Someone แปลเพลงสากล


    เพลง Love Someone เป็นเพลงของวง Lukas Graham วงนี้มีสมาชิกทั้งหมด 3 คนได้แก่ Lukas Forchhammer(ร้องนำ), Mark Falgren(กลอง), และ Magnus Larssong(เบส) เพลงนี้ถูกปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2018 อยู่ในอัลบั้ม 3 (The Purple Album) วันนี้เรามาแปลเพลงนี้กันค่ะ


    There are days
    I wake up and I pinch myself
    You’re with me, not someone else
    And I’m scared, yeah, I’m still scared
    That it’s all a dream

    มันมีหลายวันนะ
    ที่ผมตื่นขึ้นมาแล้วหยิกตัวเอง
    คุณอยู่ข้างผม ไม่ใช่คนอื่น
    และผมรู้สึกกลัว และผมยังคงรู้สึกกลัว
    ว่าทั้งหมดนี้มันเป็นเพียงความฝัน

    ‘Cause you still look perfect as days go by
    Even the worst ones, you make me smile
    I’d stop the world if it gave us time

    เพราะว่า ต่อให้วันเวลาผ่านไปแต่คุณยังคงเพอร์เฟ็ก
    ถึงแม้จะเป็นวันที่แย่ แต่คุณทำให้ผมยิ้มได้
    ผมอยากจะหยุดโลกไม่ให้หมุน ถ้ามันให้เวลากับเรา

    ‘Cause when you love someone
    You open up your heart
    When you love someone
    You make room
    If you love someone
    And you’re not afraid to lose ’em
    You probably never loved someone like I do
    You probably never loved someone like I do

    เพราะเมื่อคุณรักใครสักคน
    คุณจะเปิดหัวใจ
    เมื่อคุณรักใครสักคน
    คุณจะยอมให้เขาเข้ามาในชีวิต (มีที่ว่างสำหรับคนรัก)
    ถ้าคุณรักใครสักคน
    และคุณไม่กลัวที่จะเสียเขาไป
    คุณอาจจะไม่เคยรักใครเหมือนที่ผมรัก
    คุณอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่ผมเป็น

    When you say
    You love the way I make you feel
    Everything becomes so real
    Don’t be scared, no, don’t be scared
    ‘Cause you’re all I need

    เมื่อคุณพูด
    คุณรักวิธีที่ผมทำให้คุณรู้สึก
    ทุกสิ่งกลายเป็นความจริง
    อย่าไปรู้สึกกลัว ไม่ ไม่ต้องรู้สึกกลัว
    เพราะทั้งหมดที่ผมต้องการคือคุณ

    And you still look perfect as days go by
    Even the worst ones, you make me smile
    I’d stop the world if it gave us time

    และต่อให้วันเวลาผ่านไปแต่คุณยังคงเพอร์เฟ็ก
    ถึงแม้จะเป็นวันที่แย่ แต่คุณทำให้ผมยิ้มได้
    ผมอยากจะหยุดโลกไม่ให้หมุน ถ้ามันให้เวลากับเรา

    ‘Cause when you love someone
    You open up your heart
    When you love someone
    You make room
    If you love someone
    And you’re not afraid to lose ’em
    You probably never loved someone like I do
    You probably never loved someone like I do

    เพราะเมื่อคุณรักใครสักคน
    คุณจะเปิดหัวใจ
    เมื่อคุณรักใครสักคน
    คุณจะยอมให้เขาเข้ามาในชีวิต (มีที่ว่างสำหรับคนรัก)
    ถ้าคุณรักใครสักคน
    และคุณไม่กลัวที่จะเสียเขาไป
    คุณอาจจะไม่เคยรักใครเหมือนที่ผมรัก
    คุณอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่ผมเป็น

    All my life
    I thought it’d be hard to find
    The one, ’til I found you
    And I find it bittersweet
    ‘Cause you gave me something to lose

    ทั้งหมดของชีวิตผม
    ผมคิดว่ามันยากที่เจอ
    คนนั้น จนกระทั้งผมได้พบคุณ
    และผมพบว่ามันมีทั้งสุขและทุกข์
    เพราะคุณให้บางสิ่งผมต้องเสียไป

    But when you love someone
    You open up your heart
    When you love someone
    You make room
    If you love someone
    And you’re not afraid to lose ’em
    You probably never loved someone like I do
    You probably never loved someone like I do
    You probably never loved someone like I do

    แต่เมื่อคุณรักใครสักคน
    คุณจะเปิดหัวใจ
    เมื่อคุณรักใครสักคน
    คุณจะยอมให้เขาเข้ามาในชีวิต (มีที่ว่างสำหรับคนรัก)
    ถ้าคุณรักใครสักคน
    และคุณไม่กลัวที่จะเสียเขาไป
    คุณอาจจะไม่เคยรักใครเหมือนที่ผมรัก
    คุณอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่ผมเป็น
    คุณอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่ผมเป็น


    pinch – หยิก เหน็บแหนม

    *หากผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะคะ ผู้อ่านสามารถแนะนำติชมได้ที่กล่องแสดงความคิดเห็นค่ะ

  • Passenger – Somebody’s Love แปลเพลงสากล


    Somebody’s Love เป็นเพลงของนักร้องและนักเขียนเพลงชาวอังกฤษ Passenger เพลงได้เปิดตัวใน 17 มิถุนายน 2016 เป็นซิงเกิลนำจากอัลบั้มที่เจ็ดของเขา Young as the Morning Old as the Sea (2016) เพลงถูกเขียนโดย Passenger ในขณะที่ได้ Chris Vallejo มาช่วยในการดำเนินการผลิต ในเนื้อเพลงนั้นพูดถึงทุกคนบนโลกไม่สามารถอยู่อย่างโดดเดี่ยวได้ ทุกคนต้องการมีตัวตนในสังคม อยากจะมีความรักจากใครสักคนและครอบครัวที่จะอยู่เคียงข้าง วันนี้เราจะมาแปลเพลงนี้กัน


    Oh when the winds they blow
    You’re gonna need somebody to know you
    You’re gonna need somebody’s love to fall into
    Oh when the leaves they fall
    You’re gonna need somebody to call you
    You’re gonna need somebody’s arms to crawl into
    To crawl into

    โอ้ เมื่อลมได้พัดผ่านไป
    คุณจะต้องการให้มีใครสักคนรู้จักคุณ
    คุณจะต้องการความรักจากใครสักคน เพื่อตกหลุมรัก
    โอ้ เมื่อใบไม้ได้ร่วงหล่นลงมา
    คุณจะต้องการให้ใครสักคนโทรหาคุณ
    คุณจะต้องการอ้อมแขนของใครสักคน เพื่อโอบเข้าหา
    เพื่อโอบเข้าหา

    Go and get yourself lost
    Like you always do
    Sail into the blue
    With nobody next to you
    Oh but when you wanna get yourself found
    There may be no one around
    You sink without a sound
    You know it’s true

    ไปและทำให้ตัวของคุณเองหลงทาง
    เหมือนที่คุณทำอยู่เสมอ
    ออกไปล่องเรือไปในทะเลกว้าง
    โดยไม่มีใครอยู่เคียงข้างคุณ
    โอ้ แต่เมื่อคุณอยากค้นพบตัวเอง
    ในตอนนั้นอาจไม่มีใครอยู่รอบข้างคุณ
    คุณจะจมลงไปโดยไร้เสียง
    คุณรู้ว่ามันเป็นความจริง

    Oh when the winds they blow
    You’re gonna need somebody to know you
    You’re gonna need somebody’s love to fall into
    Oh when the leaves they fall
    You’re gonna need somebody to call you
    You’re gonna need somebody’s arms to crawl into

    โอ้ เมื่อลมได้พัดผ่านไป
    คุณจะต้องการให้มีใครสักคนรู้จักคุณ
    คุณจะต้องการความรักจากใครสักคน เพื่อตกหลุมรัก
    โอ้ เมื่อใบไม้ได้ร่วงหล่นลงมา
    คุณจะต้องการให้ใครสักคนโทรหาคุณ
    คุณจะต้องการอ้อมแขนของใครสักคน เพื่อโอบเข้าหา

    What you’re saying is true
    You ain’t no fool you ain’t no liar
    You’re never gonna get yourself burnt
    If you don’t start no fires
    But with no fire there is no light
    With no light you’ll never see
    All the colors in the world
    And all the love that’s inside me

    สิ่งที่คุณกำลังพูดนั้นเป็นความจริง
    คุณไม่ใช่คนโง่ คุณไม่ใช่คนโกหก
    คุณจะไม่ทำให้ตัวของคุณถูกเผา
    ถ้าคุณไม่ได้จุดไฟขึ้นมา
    แต่การไม่มีไฟ ก็ทำให้ไม่มีแสงสว่าง
    เมื่อไม่มีแสงสว่าง คุณก็มองไม่เห็น
    สีสันทั้งหมดในโลกนี้
    และความรักทั้งหมดที่อยู่ภายในตัวฉัน

    When the winds they blow
    You’re gonna need somebody to know you
    You’re gonna need somebody’s love to fall into
    Oh when the leaves they fall
    You’re gonna need somebody to call you
    You’re gonna need somebody’s arms to crawl into
    Oh to crawl into

    โอ้ เมื่อลมได้พัดผ่านไป
    คุณจะต้องการให้มีใครสักคนรู้จักคุณ
    คุณจะต้องการความรักจากใครสักคน เพื่อตกหลุมรัก
    โอ้ เมื่อใบไม้ได้ร่วงหล่นลงมา
    คุณจะต้องการให้ใครสักคนโทรหาคุณ
    คุณจะต้องการอ้อมแขนของใครสักคน เพื่อโอบเข้าหา
    เพื่อโอบเข้าหา

    And oh when the winds they blow
    You’re gonna need somebody to know
    You’re gonna need somebody’s love to fall into
    And oh when the leaves they fall
    You’re gonna need somebody to call
    You’re gonna need somebody’s arms to crawl into
    To crawl into

    โอ้ เมื่อลมได้พัดผ่านไป
    คุณจะต้องการให้มีใครสักคนรู้จักคุณ
    คุณจะต้องการความรักจากใครสักคน เพื่อตกหลุมรัก
    โอ้ เมื่อใบไม้ได้ร่วงหล่นลงมา
    คุณจะต้องการให้ใครสักคนโทรหาคุณ
    คุณจะต้องการอ้อมแขนของใครสักคน เพื่อโอบเข้าหา
    เพื่อโอบเข้าหา

  • Syn Cole – Feel Good แปลเพลงสากล


    Feel Good เป็นเพลงของ DJ และโปรดิวเซอร์เพลงอิเล็กทรอนิกส์ชาวเอสโตเนีย Syn Cole เพลงได้เปิดตัวใน 27 กุมภาพันธ์ 2016 โดยค่ายเพลง NoCopyrightSounds เป็นซิงเกิลที่สี่จากอัลบั้ม NCS: The Best of 2016 (2017) เพลงได้ถูกเขียนโดย Syn Cole โดยในเนื้อเพลงนั้นเป็นนั้นพูดถึงการมีความรู้สึกดี สำหรับเพลงนี้แนวจะเน้นไปยังช่วงทำนองและดนตรีสำหรับนักฟังเพลงอิเล็กทรอนิกส์เช่นคุณ วันนี้เราจะมาแปลเพลงนี้กัน


    You got the feeling
    I know you’re there

    คุณมีความรู้สึก (ดี)
    ฉันรู้ว่าคุณอยู่ที่นั่น

    You got the feeling
    I know you’re there

    คุณมีความรู้สึก
    ฉันรู้ว่าคุณอยู่ที่นั่น

    You got the feeling
    I know you’re there

    คุณมีความรู้สึก
    ฉันรู้ว่าคุณอยู่ที่นั่น

    You got the feeling
    I know you’re there

    คุณมีความรู้สึก
    ฉันรู้ว่าคุณอยู่ที่นั่น

    You got the feeling
    You got the feeling
    You got the feeling
    You got the feeling
    You got the feeling
    You got the feeling

    คุณมีความรู้สึก
    คุณมีความรู้สึก
    คุณมีความรู้สึก
    คุณมีความรู้สึก
    คุณมีความรู้สึก
    คุณมีความรู้สึก

    You got the feeling
    I know you’re there
    You got the feeling
    I know you’re there

    คุณมีความรู้สึก
    ฉันรู้ว่าคุณอยู่ที่นั่น
    คุณมีความรู้สึก
    ฉันรู้ว่าคุณอยู่ที่นั่น

    You got the feeling
    I know you’re there

    คุณมีความรู้สึก
    ฉันรู้ว่าคุณอยู่ที่นั่น

    You got the feeling
    I know you’re there

    คุณมีความรู้สึก
    ฉันรู้ว่าคุณอยู่ที่นั่น

    You got the feeling
    I know you’re there

    คุณมีความรู้สึก
    ฉันรู้ว่าคุณอยู่ที่นั่น

    You got the feeling
    I know you’re there

    คุณมีความรู้สึก
    ฉันรู้ว่าคุณอยู่ที่นั่น

    You got the feeling
    You got the feeling
    You got the feeling
    You got the feeling
    You got the feeling
    You got the feeling

    คุณมีความรู้สึก
    คุณมีความรู้สึก
    คุณมีความรู้สึก
    คุณมีความรู้สึก
    คุณมีความรู้สึก
    คุณมีความรู้สึก

    You got the feeling
    I know you’re there

    คุณมีความรู้สึก
    ฉันรู้ว่าคุณอยู่ที่นั่น

    You got the feeling
    I know you’re there

    คุณมีความรู้สึก
    ฉันรู้ว่าคุณอยู่ที่นั่น

    You got the feeling
    I know you’re there

    คุณมีความรู้สึก
    ฉันรู้ว่าคุณอยู่ที่นั่น

    You got the feeling
    I know you’re there

    คุณมีความรู้สึก
    ฉันรู้ว่าคุณอยู่ที่นั่น

  • Krys Talk & Cole Sipe – Way Back Home แปลเพลงสากล


    Way Back Home เป็นเพลงของ DJ และโปรดิวเซอร์เพลงอิเล็กทรอนิกส์ชาวอิตาลี Krys Talk และ DJ และโปรดิวเซอร์เพลงอิเล็กทรอนิกส์ชาวอเมริกัน Cole Sipe เพลงได้เปิดตัวให้ดาวน์โหลดแบบดิจิตอลใน 7 กันยายน 2014 โดยค่ายเพลง NoCopyrightSounds วันนี้เราจะมาแปลเพลงนี้กัน


    I can’t find my way back to you
    Until you make amends with the demons you’ve been through
    I can’t regret leaving you alone
    Until you find your way back home

    ฉันไม่สามารถหาทางกลับไปหาคุณ
    จนกว่าคุณจะชดเชยกับความชั่วร้ายที่คุณได้ก้าวผ่าน
    ฉันไม่อาจเสียใจที่ปล่อยให้คุณอยู่คนเดียว
    จนกว่าคุณจะหาทางกลับบ้านได้

    Until you find your way back home

    จนกว่าคุณจะหาทางกลับบ้านได้

    Don’t let me drown
    Don’t let me drown
    Don’t let me drown

    อย่าปล่อยให้ฉันจมน้ำตาย
    อย่าปล่อยให้ฉันจมน้ำตาย
    อย่าปล่อยให้ฉันจมน้ำตาย

    Until you find your way back home

    จนกว่าคุณจะหาทางกลับบ้านได้

    Don’t let me drown
    Don’t let me drown
    Don’t let me drown
    Don’t let me drown

    อย่าปล่อยให้ฉันจมน้ำตาย
    อย่าปล่อยให้ฉันจมน้ำตาย
    อย่าปล่อยให้ฉันจมน้ำตาย
    อย่าปล่อยให้ฉันจมน้ำตาย

    I can’t regret leaving you alone
    Until you find your way back home

    ฉันไม่อาจเสียใจที่ปล่อยให้คุณอยู่คนเดียว
    จนกว่าคุณจะหาทางกลับบ้านได้

  • Sia – Alive แปลเพลงสากล


    Alive เป็นเพลงของนักร้องและนักเขียนเพลงหญิงชาวออสเตรเลีย Sia เพลงได้ถูกเปิดตัวใน 25 กันยายน 2015 เป็นซิงเกิลนำจากอัลบั้มสตูดิโอที่เจ็ดของเธอ This Is Acting (2016) เพลงได้เขียนโดย Sia, Adele และ Tobias Jesso Jr. โดยเธอได้บอกว่าเพลงนี้เขียนขึ้นสำหรับ Adele โดยในเนื้อเพลงนั้นเป็นการพูดถึงชีวิตและมุมมองของ Adele ที่เธอต้องต่อสู้กับอุปสรรคในชีวิตมากมาย จนกระทั่งเธอได้ประสบความสำเร็จ นั่นเปรียบเสมือนว่าเธอยังมีชีวิตรอดนั่นเอง วันนี้เราจะมาแปลเพลงนี้กัน


    I was born in a thunderstorm
    I grew up overnight
    I played alone
    I played on my own
    I survived
    Hey
    I wanted everything I never had
    Like the love that comes with light
    I wore envy and I hated that
    But I survived

    ฉันเกิดมาจากพายุ
    ฉันเติบโตขึ้นในชั่วข้ามคืน
    ฉันเล่นคนเดียว
    ฉันเล่นด้วยตัวเอง
    ฉันรอดชีวิต
    เฮ้
    ฉันต้องการทุกอย่างที่ฉันไม่เคยมี
    เหมือนความรักที่มาพร้อมกับแสงสว่าง
    ฉันมีความอิจฉา และฉันก็เกลียดมัน
    แต่ฉันรอดชีวิต

    I had a one-way ticket to a place where all the demons go
    Where the wind don’t change
    And nothing in the ground can ever grow
    No hope, just lies
    And you’re taught to cry into your pillow
    But I survived

    ฉันมีตั๋วเที่ยวเดียวไปยังสถานที่ที่ปีศาจทั้งหลายไป
    สถานที่ที่สายลมไม่เปลี่ยนทิศ
    และไม่มีอะไรบนพื้นดินที่สามารถเติบโตได้
    ไม่มีความหวัง และมีเพียงคำโกหก
    และคุณถูกสอนให้ร้องไห้ลงบนหมอนของคุณ
    แต่ฉันรอดชีวิต

    I’m still breathing, I’m still breathing
    I’m still breathing, I’m still breathing
    I’m alive
    I’m alive
    I’m alive
    I’m alive

    ฉันยังคงหายใจอยู่ ฉันยังคงหายใจอยู่
    ฉันยังคงหายใจอยู่ ฉันยังคงหายใจอยู่
    ฉันยังมีชีวิตอยู่
    ฉันยังมีชีวิตอยู่
    ฉันยังมีชีวิตอยู่
    ฉันยังมีชีวิตอยู่

    I found solace in the strangest place
    Way in the back of my mind
    I saw my life in a stranger’s face
    And it was mine

    ฉันพบกับการปลอบใจในสถานที่ที่ไม่รู้จัก
    นานมาแล้วในความคิดของฉัน
    ฉันเห็นชีวิตของฉันบนใบหน้าของคนแปลกหน้า
    และมันเป็นฉันเอง

    I had a one-way ticket to a place where all the demons go
    Where the wind don’t change
    And nothing in the ground can ever grow
    No hope, just lies
    And you’re taught to cry into your pillow
    But I survived

    ฉันมีตั๋วเที่ยวเดียวไปยังสถานที่ที่ปีศาจทั้งหลายไป
    สถานที่ที่สายลมไม่เปลี่ยนทิศ
    และไม่มีอะไรบนพื้นดินที่สามารถเติบโตได้
    ไม่มีความหวัง และมีเพียงคำโกหก
    และคุณถูกสอนให้ร้องไห้ลงบนหมอนของคุณ
    แต่ฉันรอดชีวิต

    I’m still breathing, I’m still breathing
    I’m still breathing, I’m still breathing
    I’m alive
    I’m alive
    I’m alive
    I’m alive

    ฉันยังคงหายใจอยู่ ฉันยังคงหายใจอยู่
    ฉันยังคงหายใจอยู่ ฉันยังคงหายใจอยู่
    ฉันยังมีชีวิตอยู่
    ฉันยังมีชีวิตอยู่
    ฉันยังมีชีวิตอยู่
    ฉันยังมีชีวิตอยู่

    You took it all, but I’m still breathing
    You took it all, but I’m still breathing
    You took it all, but I’m still breathing
    You took it all, but I’m still breathing
    You took it all, but I’m still breathing
    You took it all, but I’m still breathing
    You took it all, but I’m still breathing
    You took it all, but I’m still breathing

    คุณอยู่เหนือมันทุกอย่าง แต่ฉันยังคงหายใจอยู่
    คุณอยู่เหนือมันทุกอย่าง แต่ฉันยังคงหายใจอยู่
    คุณอยู่เหนือมันทุกอย่าง แต่ฉันยังคงหายใจอยู่
    คุณอยู่เหนือมันทุกอย่าง แต่ฉันยังคงหายใจอยู่
    คุณอยู่เหนือมันทุกอย่าง แต่ฉันยังคงหายใจอยู่
    คุณอยู่เหนือมันทุกอย่าง แต่ฉันยังคงหายใจอยู่
    คุณอยู่เหนือมันทุกอย่าง แต่ฉันยังคงหายใจอยู่
    คุณอยู่เหนือมันทุกอย่าง แต่ฉันยังคงหายใจอยู่

    I have made every single mistake
    That you could ever possibly make
    I took and I took and I took what you gave
    But you never noticed that I was in pain
    I knew what I wanted; I went in and got it
    Did all the things that you said that I wouldn’t
    I told you that I would never be forgotten
    And all in spite of you

    ฉันได้ทำความผิดพลาดทุกอย่างและเรียนรู้จากมัน
    ความผิดพลาดที่คุณน่าจะไม่สามารถทำได้
    ฉันรับเอาทุกอย่างที่คุณมอบให้
    แต่คุณไม่เคยสังเกตว่าฉันอยู่ในความเจ็บปวด
    ฉันรู้ว่าฉันต้องการอะไร ฉันค้นหาและฉันได้รับมัน
    ทำทุกสิ่งที่คุณบอกว่าฉันจะไม่ทำ
    ฉันบอกคุณว่าฉันจะไม่มีวันลืม
    และกับความอาฆาตทั้งหมดของคุณ

    And I’m still breathing, I’m still breathing
    I’m still breathing, I’m still breathing
    I’m alive (You took it all, but I’m still breathing)
    (You took it all, but I’m still breathing)
    I’m alive (You took it all, but I’m still breathing)
    (You took it all, but I’m still breathing)
    I’m alive (You took it all, but I’m still breathing)
    (You took it all, but I’m still breathing)
    I’m alive

    และฉันฉันยังคงหายใจอยู่ ฉันยังคงหายใจอยู่
    ฉันยังคงหายใจอยู่ ฉันยังคงหายใจอยู่
    ฉันยังมีชีวิตอยู่ (คุณอยู่เหนือมันทุกอย่าง แต่ฉันยังคงหายใจอยู่)
    (คุณอยู่เหนือมันทุกอย่าง แต่ฉันยังคงหายใจอยู่)
    ฉันยังมีชีวิตอยู่(คุณอยู่เหนือมันทุกอย่าง แต่ฉันยังคงหายใจอยู่)
    (คุณอยู่เหนือมันทุกอย่าง แต่ฉันยังคงหายใจอยู่)
    ฉันยังมีชีวิตอยู่ (คุณอยู่เหนือมันทุกอย่าง แต่ฉันยังคงหายใจอยู่)
    (คุณอยู่เหนือมันทุกอย่าง แต่ฉันยังคงหายใจอยู่)
    ฉันยังมีชีวิตอยู่

    I’m alive
    I’m alive
    I’m alive
    I’m alive

    ฉันยังมีชีวิตอยู่
    ฉันยังมีชีวิตอยู่
    ฉันยังมีชีวิตอยู่
    ฉันยังมีชีวิตอยู่