Category: Uncategorized

  • LSD – No New Friends (feat. Labrinth, Sia, Diplo) แปลเพลงสากล


    No New Friends เป็นเพลงของ LSD ซึ่งเป็นโปรเจ็คร่วมกันของนักดนตรีชาวอังกฤษ Labrinth นักร้องหญิงชาวออสเตรเลีย Sia และดีเจโปรดิวเซอร์ชาวอเมริกัน Diplo เพลงได้ถูกเปิดตัวเมื่อ 14 มีนาคม 2019 โดยค่ายเพลง Columbia Records เพลงได้ถูกเขียนโดย Timothy McKenzie, Sia Furler, Thomas Pentz, Henry Allen และ Philip Meckseper ในขณะที่การดำเนินการผลิตนั้นควบคุมโดย Labrinth, Diplo, Jr Blender และ Nathaniel Ledwidge ในเนื้อเพลงนั้นเกี่ยวกับการผจญภัยโลกแห่งความฝันของพวกเขาที่ได้เป็นทั้งราชาและราชินี และมีทุกอย่างที่ต้องการและไม่ต้องการอะไรใหม่อีกต่อไปแล้ว หรือว่าไม่ต้องการอะไรมาเป็นเพื่อนอีกแล้วนั่นเอง วันนี้เราจะมาแปลเพลงนี้กัน


    Oh, you the queen, you’re the king
    We got our aces out
    You the queen, you’re the king
    We got our aces out
    Roll the dice on tonight, go and roll ’em out (Huh)
    Give me more than enough to go smile about (Ayy, ayy)

    โอ้ คุณคือราชินี คุณคือราชา
    เราได้คนเก่งของเรามาแล้ว
    คุณคือราชินี คุณคือราชา
    เราได้คนเก่งของเรามาแล้ว
    มาทอยลูกเต๋าในคืนนี้ ไปทอยมันออกมากันเถอะ
    ให้ฉันมากเกินพอที่ฉันจะยิ้มได้

    I got all I need in a world of doubt
    We got our champagne dreams in an endless drought
    We are the kings and queens seeking our aces out
    We got all we need, no new friends now

    ฉันได้ทุกสิ่งที่ต้องการในโลกแห่งความสงสัย
    เรามีแชมเปญในฝันของเรา ในฤดูแล้งที่ไม่มีที่สิ้นสุด
    เราคือราชาและราชินี กำลังหาคนเก่งของเราออกมา
    เราได้ทุกอย่างที่เราต้องการ ไม่มีเพื่อนใหม่แล้วในตอนนี้

    La-la-la-la, la-la-la-la-la-la-la
    No new friends
    La-la-la-la, la-la-la-la-la-la-la, ah-la-la-la
    No new friends
    La-la-la-la, la-la-la-la-la-la-la
    No new friends
    La-la-la-la, la-la-la-la-la-la-la
    No new friends

    ลา-ลา-ลา-ลา ลา-ลา-ลา-ลา-ลา-ลา-ลา
    ไม่มีเพื่อนใหม่แล้ว
    ลา-ลา-ลา-ลา ลา-ลา-ลา-ลา-ลา-ลา-ลา อา-ลา-ลา-ลา
    ไม่มีเพื่อนใหม่แล้ว
    ลา-ลา-ลา-ลา ลา-ลา-ลา-ลา-ลา-ลา-ลา
    ไม่มีเพื่อนใหม่แล้ว
    ลา-ลา-ลา-ลา ลา-ลา-ลา-ลา-ลา-ลา-ลา
    ไม่มีเพื่อนใหม่แล้ว

    Hey, follow me, I’ll follow you
    I ain’t foldin’ now
    Holla me, I’ll holla you
    No, I ain’t holdin’ out
    Roll the dice on tonight, go and roll ’em out (Huh)
    Give me more than enough to go smile about (Ayy, ayy)

    เฮ้ ตามฉันมา ฉันจะตามคุณไป
    ฉันยังไม่ได้ยอมแพ้ในตอนนี้
    โฮลลาฉันสิ ฉันจะโฮลลาคุณ
    ไม่ ฉันไม่ได้เป็นคนทนทาน
    มาทอยลูกเต๋าในคืนนี้ ไปทอยมันออกมากันเถอะ
    ให้ฉันมากเกินพอที่ฉันจะยิ้มได้

    I got all I need in a world of doubt
    We got our champagne dreams in an endless drought
    We are the kings and queens seeking our aces out
    We got all we need, no new friends now

    ฉันได้ทุกสิ่งที่ต้องการในโลกแห่งความสงสัย
    เรามีแชมเปญในฝันของเรา ในฤดูแล้งที่ไม่มีที่สิ้นสุด
    เราคือราชาและราชินี กำลังหาคนเก่งของเราออกมา
    เราได้ทุกอย่างที่เราต้องการ ไม่มีเพื่อนใหม่แล้วในตอนนี้

    La-la-la-la, la-la-la-la-la-la-la
    No new friends
    La-la-la-la, la-la-la-la-la-la-la, ah-la-la-la
    No new friends
    La-la-la-la, la-la-la-la-la-la-la
    No new friends
    La-la-la-la, la-la-la-la-la-la-la, ah

    ลา-ลา-ลา-ลา ลา-ลา-ลา-ลา-ลา-ลา-ลา
    ไม่มีเพื่อนใหม่แล้ว
    ลา-ลา-ลา-ลา ลา-ลา-ลา-ลา-ลา-ลา-ลา อา-ลา-ลา-ลา
    ไม่มีเพื่อนใหม่แล้ว
    ลา-ลา-ลา-ลา ลา-ลา-ลา-ลา-ลา-ลา-ลา
    ไม่มีเพื่อนใหม่แล้ว
    ลา-ลา-ลา-ลา ลา-ลา-ลา-ลา-ลา-ลา-ลา อา

    Oh, when the sun goes down
    And when it comes back up
    We got our aces out
    We got our aces out
    Oh, when the sun goes down
    And when it comes back up
    We got our aces out
    We got our aces out (Woo!)

    โอ้ เมื่อดวงอาทิตย์ได้ลับฟ้า
    และเมื่อมันกลับคืนมา
    เราได้คนเก่งของเรามาแล้ว
    เราได้คนเก่งของเรามาแล้ว
    โอ้ เมื่อดวงอาทิตย์ได้ลับฟ้า
    และเมื่อมันกลับคืนมา
    เราได้คนเก่งของเรามาแล้ว
    เราได้คนเก่งของเรามาแล้ว

    I got all I need in a world of doubt
    We got our champagne dreams in an endless drought
    We are the kings and queens seeking our aces out
    We got all we need, no new friends now

    ฉันได้ทุกสิ่งที่ต้องการในโลกแห่งความสงสัย
    เรามีแชมเปญในฝันของเรา ในฤดูแล้งที่ไม่มีที่สิ้นสุด
    เราคือราชาและราชินี กำลังหาคนเก่งของเราออกมา
    เราได้ทุกอย่างที่เราต้องการ ไม่มีเพื่อนใหม่แล้วในตอนนี้

    La-la-la-la, la-la-la-la-la-la-la
    Yeah, we got our champagne dreams
    La-la-la-la, la-la-la-la-la-la-la, ah-la-la-la
    Yeah
    La-la-la-la, la-la-la-la-la-la-la
    Our aces out
    La-la-la-la, la-la-la-la-la-la-la
    No new friends

    ลา-ลา-ลา-ลา ลา-ลา-ลา-ลา-ลา-ลา-ลา
    ใช่แล้ว เรามีแชมเปญในฝันของเรา
    ลา-ลา-ลา-ลา ลา-ลา-ลา-ลา-ลา-ลา-ลา อา-ลา-ลา-ลา
    ใช่แล้ว
    ลา-ลา-ลา-ลา ลา-ลา-ลา-ลา-ลา-ลา-ลา
    คนเก่งของเราออกมาแล้ว
    ลา-ลา-ลา-ลา ลา-ลา-ลา-ลา-ลา-ลา-ลา
    ไม่มีเพื่อนใหม่แล้ว

  • Chris Young – Gettin’ You Home แปลเพลงสากล


    Gettin’ You Home เป็นเพลงที่ร้องและเขียนโดยนักร้องคันทรี่ชาวอเมริกัน Chris Young เพลงได้ถูกเปิดตัวใน 7 กุมภาพันธ์ 2009 โดยเป็นซิงเกิลที่สองจากอัลบั้มที่สองของเขาที่ชื่อว่า The Man I Want to Be (2009) โดย Young ได้เขียนเพลงกับ Kent Blazy และ Cory Batten ในขณะที่การดำเนินการผลิตนั้นควบคุมโดย James Stroud ในเนื้อเพลงนั้นเป็นเรื่องราวการออกไปเดทกับคนรักของเขาในร้านอาหาร และในขณะที่พวกเขากำลังทานข้าวอยู่นั้นก็อยากกลับมาเล่นอะไรสนุกที่บ้านดีกว่า วันนี้เราจะมาแปลเพลงนี้กัน


    Tuxedo waiters, black tie,
    White table clothes and red wine,
    We’ve been planning, this night,
    Looking forward to it, for some time
    Now honey I know you love getting dressed up,
    And you know I love showing you off,
    But watching your baby blue eyes, dancing in the candle light glow,
    All I can think about, is getting you home,

    พนักงานเสิร์ฟในชุดสูทร กับเน็คไทสีดำ
    ผ้าปูโต๊ะสีขาว และไวน์แดง
    พวกเราได้วางแผนกันแล้วในคืนนี้
    และกำลังตั้งตารอสำหรับเวลานั้น
    ตอนนี้ที่รัก ฉันรู้แล้วว่าคุณชอบใส่เสื้อตัวทางการของคุณ
    และคุณก็รู้ว่าฉันชอบดึงความสนใจจากคุณ
    แต่ที่รัก ฉันกำลังมองดวงตาสีฟ้าของคุณ ที่กำลังเต้นในแสงเทียน
    ทั้งหมดที่ฉันคิดได้ในตอนนี้คือการพาคุณกลับบ้าน

    Walking through the front door,
    Seeing your black dress hit the floor,
    Uh honey there sure ain’t nothing, like you loving
    Me all night long, and all I can think about is getting you home,

    เดินผ่านไปผ่านมารอคุณที่ประตูด้านหน้า
    เห็นชุดกระโปรงสีดำของคุณกระแทกพื้นแล้ว
    ที่รัก แน่นอนแล้วว่าไม่มีอะไรจะเหมือนการได้รักคุณ
    ตลอดทั้งคืนนี้ ทั้งหมดที่ฉันคิดได้ในตอนนี้คือการพาคุณกลับบ้าน

    I don’t need this menu, no I don’t,
    I already know just what I want,
    Did I hear you right, did you tell me,
    Go pay the waiter and lets leave,
    Now honey I know by that look in your eyes,
    And your hand drawing hearts on mine,
    That our night out of the house, ain’t gonna last too long,
    When all you can think about, is getting me home,

    ฉันไม่ต้องการเมนูนี้ ฉันไม่ได้อยากได้มัน
    ฉันอยู่รู้แล้วว่าฉันต้องการอะไร
    ฉันได้ยินคุณพูดถูกมั้ย คุณบอกฉันแล้วใช่ไหม
    ไปจ่ายเงินกับพนักงานเสิร์ฟ และเราไปกัน
    ในตอนนี้ฉันรู้แล้วจากการมองที่ตาของคุณ
    และมือของคุณได้วาดหัวใจให้กับฉัน
    คืนนี้เป็นของพวกเขาในบ้านทั้งหลัง ซึ่งในอีกไม่นาน
    ทั้งหมดที่คุณคิดได้คือการได้พาฉันกลับบ้าน

    Walking through the front door,
    Seeing your black dress hit the floor,
    Uh honey there sure ain’t nothing like you loving me
    All night long,
    All I can think about, is getting you home.

    เดินผ่านไปผ่านมารอคุณที่ประตูด้านหน้า
    เห็นชุดกระโปรงสีดำของคุณกระแทกพื้นแล้ว
    ที่รัก แน่นอนแล้วว่าไม่มีอะไรจะเหมือนการได้รักคุณ
    ตลอดทั้งคืน
    ทั้งหมดที่ฉันคิดได้ในตอนนี้คือการพาคุณกลับบ้าน

    Walking through the front door,
    Seeing your black dress hit the floor,
    Uh honey there sure ain’t nothing like you loving me
    All night long,
    And all I can think about, all I can think about,
    All I can think about, is getting you home.

    เดินผ่านไปผ่านมารอคุณที่ประตูด้านหน้า
    เห็นชุดกระโปรงสีดำของคุณกระแทกพื้นแล้ว
    ที่รัก แน่นอนแล้วว่าไม่มีอะไรจะเหมือนการได้รักคุณ
    ตลอดทั้งคืน
    ทั้งหมดที่ฉันสามารถคิดได้ ทั้งหมดที่ฉันสามารถคิดได้
    ทั้งหมดที่ฉันคิดได้ในตอนนี้คือการพาคุณกลับบ้าน

  • Calum Scott – No Matter What แปลเพลงสากล


    No Matter What เป็นเพลงของนักร้องและนักเขียนเพลงชาวอังกฤษ Calum Scott เพลงได้เปิดตัวใน 19 ตุลาคม 2018 เป็นซิงเกิลที่ห้าจากอัลบั้มเปิดตัวของเขา Only Human (2018) เพลงได้ถูกเขียนและดำเนินการผลิตโดย Toby Gad และ Calum Scott ในเนื้อเพลงนั้นบอกเล่าเรื่องราวของ Scott ที่เขาได้บอกกับพ่อแม่ของเขาว่าเป็นเกย์ และพวกเขากลับแสดงความรู้สึกรักเขาเหมือนเดิมและไม่สำคัญว่าเขาจะเป็นยังไง เขาบอกว่าเขาแต่งเพลงนี้เพื่อช่วยเหลือผู้คน เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คน และเพื่อให้พวกเขาสามารถเดินหน้าต่อไป วันนี้เราจะมาแปลเพลงนี้กัน


    When I was a young boy I was scared of growing up
    I didn’t understand it but I was terrified of love
    Felt like I had to choose but it was outta my control
    I needed to be saved, I was going crazy on my own
    It took me years to tell my mother, I expected the worst
    I gathered all the courage in the world

    เมื่อฉันยังเป็นเด็กชายตัวเล็ก ฉันกลัวที่จะเติบโตขึ้น
    ฉันไม่ได้เข้าใจมัน แต่ฉันก็จิตผวากับความรัก
    รู้สึกเหมือนว่าฉันจำเป็นต้องเลือก แต่เหมือนกับว่ามันอยู่นอกการควบคุมของฉัน
    ฉันต้องการความช่วยเหลือ และฉันเริ่มบ้าไปกับตัวเอง
    มันใช้เวลากว่าหนึ่งปีเพื่อบอกคุณแม่ของฉัน ฉันคาดหวังว่ามันจะแย่
    ฉันรวบรวมความกล้าหาญของฉันทั้งหมด

    She said, “I love you no matter what
    I just want you to be happy and always be who you are”
    She wrapped her arms around me
    Said, “Don’t try to be what you’re not
    Cause I love you no matter what”
    She loves me no matter what

    เธอพูดว่า “ฉันรักคุณไม่ว่าจะเป็นยังไง
    ฉันแค่ต้องการให้คุณมีความสุขและเป็นตัวของตังเอง”
    เธอโอบแขนของเธอรอบตัวฉัน
    และพูดว่า “อย่าพยายามเป็นในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง
    เพราะว่าฉันรักคุณไม่ว่าจะเป็นยังไง”
    เธอรักฉันไม่ว่าจะเป็นยังไง

    I got a little older wishing all my time away
    Riding on the pavement, every sunny day was grey
    I trusted in my friends then all my world came crashing down
    I wish I never said a thing cause to them I’m a stranger now

    ฉันได้เติบโตขึ้นเล็กน้อย และหวังว่าเวลาเหล่านั้นจะหายไป
    ขี่รถจักรยานบนางเท้า ทุกๆ วันอาทิตย์นั้นเป็นสีเทา
    ฉันเชื่อใจเพื่อนของฉัน แล้วโลกทั้งหมดของฉันก็ได้พังทะลายลง
    ฉันหวังว่าฉันจะไม่ได้พูดอะไร เพราะกับพวกเขาฉันเป็นคนแปลกหน้าในตอนนี้

    I ran home I saw my mother, it was written on my face
    Felt like I had a heart of glass about to break

    ฉันวิ่งกลับบ้านฉันเห็นแม่ของฉัน มันแสดงออกทางสีหน้าของฉัน
    มีความรู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจของฉันกำลังจะแตกสลาย

    She said, “I love you no matter what
    I just want you to be happy and always be who you are”
    She wrapped her arms around me
    Said, “Don’t try to be what you’re not
    Cause I love you no matter what, yeah”

    เธอพูดว่า “ฉันรักคุณไม่ว่าจะเป็นยังไง
    ฉันแค่ต้องการให้คุณมีความสุขและเป็นตัวของตังเอง”
    เธอโอบแขนของเธอรอบตัวฉัน
    และพูดว่า “อย่าพยายามเป็นในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง
    เพราะว่าฉันรักคุณไม่ว่าจะเป็นยังไง ใช่แล้ว”

    Now I’m a man and I’m so much wiser
    I walk the earth with my head held higher
    I got the love that I need
    But I was still missing one special piece
    My father looked at me

    ตอนนี้ฉันโตเป็นผู้ใหญ่ และฉันมีความคิดมากขึ้น
    ฉันเดินไปในโลกกับหัวของฉันที่เชิดสูง
    ฉันได้รับความรักที่ฉันต้องการ
    แต่ฉันยังคงพลาดหนึ่งสิ่งที่พิเศษสำหรับฉัน
    พ่อของฉันมองมาที่ฉัน

    He said “I love you no matter what
    I just want you to be happy and always be who you are”
    He wrapped his arms around me
    Said, “Don’t try to be what you’re not
    Cause I love you no matter what”
    He loves me no matter what
    And they love me no matter what

    เขาพูดว่า “ฉันรักคุณไม่ว่าจะเป็นยังไง
    ฉันแค่ต้องการให้คุณมีความสุขและเป็นตัวของตังเอง”
    เขาโอบแขนของเธอรอบตัวฉัน
    และพูดว่า “อย่าพยายามเป็นในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง
    เพราะว่าฉันรักคุณไม่ว่าจะเป็นยังไง ใช่แล้ว”
    เขารักฉันไม่ว่าจะเป็นยังไง
    และพวกเขารักฉันไม่ว่าจะเป็นยังไง

  • OneRepublic – Let’s Hurt Tonight แปลเพลงสากล


    Let’s Hurt Tonight เป็นเพลงของวงดนตรีป็อป-ร็อคชาวอเมริกัน OneRepublic เพลงได้เปิดตัวใน 9 มกราคม 2017 เป็นซิงเกิลที่สามจากอัลบั้มสตูดิโอที่สี่ของพวกเขา Oh My My (2016) นอกจากเพลงยังถูกใช้ในภาพยนตร์เรื่อง Collateral Beauty (2016) และติดอันดับท็อป 100 ในออสเตรียและเยอรมนี และท็อป 50 ในสวิสเซอร์แลนด์ เพลงได้เขียนและดำเนินการผลิตโดย Ryan Tedder และ Noel Zancanella ในเนื้อเพลงนั้นพูดถึงการมีความรักก็เหมือนการที่ต้องยอมรับความเจ็บปวดที่จะตามมา ดังนั้นคู่รักทุกคนพวกเขาจะต้องทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมดา วันนี้เราจะมาแปลเพลงนี้กัน


    When, when we came home
    Worn to the bones
    I told myself, “this could get rough”
    And when, when I was off, which happened a lot
    You came to me and said, “that’s enough”

    เมื่อเรากลับมาถึงบ้าน
    หลังจากเหนื่อยจากการทำงาน
    ฉันบอกตัวเองว่า “น่าจะเกิดเรื่องขึ้น”
    และเมื่อฉันเดินเข้าไป ซึ่งเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว
    คุณเดินมาที่ฉันและพูดว่า “พอได้แล้ว”

    Oh, I know that this love is pain
    But we can’t cut it from out these veins, no

    โอ้ ฉันรู้ว่าความรักของเรานี้มันช่างเจ็บปวด
    แต่เราไม่สามารถตัดมันออกไปจากสายเลือดของเราได้

    So I’ll hit the lights and you lock the doors
    We ain’t leaving this room ’til we both feel more
    Don’t walk away, don’t roll your eyes
    They say love is pain, well darling, let’s hurt tonight
    Ah-ooh-ooh, ah-ooh-ooh

    ดังนั้นฉันจะเปิดไฟขึ้นมา และคุณล็อคประตู
    เราจะไม่ออกไปจากห้องนี้ จนกว่าเราทั้งคู่จะมีอารมณ์มากกว่านี้
    อย่าเดินหนีไปไหน อย่ากลอกตาของคุณ
    พวกเขาบอกว่ารักคือความเจ็บปวด ดังนั้นทีรัก มาเจ็บปวดในคืนนี้
    อา-โอ้ โอ้ อา-โอ้ โอ้

    When, when you came home
    Worn to the bones
    I told myself, “this could get rough”

    และเมื่อคุณได้กลับมาถึงบ้าน
    หลังจากเหนื่อยจากการทำงาน
    ฉันบอกตัวเองว่า “น่าจะเกิดเรื่องขึ้น”

    Oh, I know you’re feeling insane
    Tell me something that I can explain, oh

    โอ้ ฉันรู้ว่าคุณกำลังรู้สึกโมโห
    บอกฉันในสิ่งที่ฉันสามารถอธิบายคุณได้ โอ้

    I’ll hit the lights and you lock the doors
    Tell me all of the things that you couldn’t before
    Don’t walk away, don’t roll your eyes
    They say love is pain, well darling, let’s hurt tonight
    If this love is pain, well darling, let’s hurt, oh tonight
    Ah-ooh-ooh, ah-ooh-ooh

    ฉันจะเปิดไฟขึ้นมา และคุณล็อคประตู
    บอกฉันในเรื่องต่างๆ ที่คุณทำไม่ได้มาก่อน
    อย่าเดินหนีไปไหน อย่ากลอกตาของคุณ
    พวกเขาบอกว่ารักคือความเจ็บปวด ดังนั้นทีรัก มาเจ็บปวดในคืนนี้
    ถ้าความรักคือเจ็บปวด ที่รัก เรามาเจ็บปวดในคืนนี้
    อา-โอ้ โอ้ อา-โอ้ โอ้

    So you hit the lights and I’ll lock the doors
    Let’s say all of the things that we couldn’t before
    I won’t walk away, won’t roll my eyes
    They say love is pain, well darling, let’s hurt tonight
    If this love is pain, then honey let’s love tonight

    ดังนั้นคุณเปิดไฟขึ้นมา และฉันจะล็อคประตู
    มาพูดถึงเรืองต่างๆ ที่เราไม่สามารถพูดได้มาก่อน
    อย่าเดินหนีไปไหน อย่ากลอกตาของคุณ
    พวกเขาบอกว่ารักคือความเจ็บปวด ดังนั้นทีรัก มาเจ็บปวดในคืนนี้
    ถ้าความรักคือเจ็บปวด ที่รัก เรามาเจ็บปวดในคืนนี้

  • Avicii – SOS (feat. Aloe Blacc) แปลเพลงสากล


    SOS เป็นเพลงของ DJ และศิลปินเพลงอิเล็กทรอนิกส์ชาวสวีเดน Avicii และได้ร่วมร้องกับนักร้องและนักเขียนเพลงชาวอเมริกัน Aloe Blacc เพลงได้เปิดตัวใน 10 เมษายน 2019 เป็นซิงเกิลในอัลบั้มสุดท้ายของเขา TIM (2019) เพลงได้ถูกเขียนโดย BONN, Kandi, Tameka “Tiny” Harris, Aloe Blacc, Kevin Briggs, Albin Nedler และ Avicii ในขณะที่การดำเนินการผลิตนั้นควบคุมโดย Albin Nedler, BONN และ Avicii ในเนื้อเพลงพูดถึงการต่อสู้ของ Avicii กับเรื่องต่างๆ ในชีวิตของเขาไม่ว่าจะเป็นความรัก หรือยาเสพติด และในวันนี้มันก็เป็นเวลากว่า 1 ปีแล้วที่เขาได้จากไป และพวกเราจะคิดถึงเขาตลอดไป วันนี้เราจะมาแปลเพลงนี้กัน


    Can you hear me? S.O.S.
    Help me put my mind to rest
    Two times clean again, I’m actin’ low
    A pound of weed and a bag of blow

    คุณได้ยินฉันไหม S.O.S.
    ช่วยฉันให้ได้ผ่อนคลายความคิดของฉัน
    สองครั้งของการล้างความคิด ฉันกำลังคิดไตร่ตรอง
    ถึงวัชพืชหนึ่งปอนด์ และระเบิดหนึ่งถุง

    I can feel your love pullin’ me up from the underground, and
    I don’t need my drugs, we could be more than just part-time lovers
    I can feel your touch pickin’ me up from the underground, and
    I don’t need my drugs, we could be more than just part-time lovers

    ฉันรู้สึกถึงความรักของคุณ ที่กำลังดึงฉันขึ้นมาจากใต้ดิน
    ฉันไม่ต้องการยาของฉันอีกแล้ว เราอาจเป็นได้มากกว่าแค่คนรักชั่วคราว
    ฉันรู้สึกถึงการสัมผัสของคุณ ที่กำลังหยิบฉันขึ้นมาจากพื้น
    ฉันไม่ต้องการยาของฉันอีกแล้ว เราอาจเป็นได้มากกว่าแค่คนรักชั่วคราว

    We could be more than just part-time lovers
    We could be more than just part-time lovers

    เราอาจเป็นได้มากกว่าแค่คนรักชั่วคราว
    เราอาจเป็นได้มากกว่าแค่คนรักชั่วคราว

    I get robbed of all my sleep
    As my thoughts begin to bleed
    I’d let go, but I don’t know how
    Yeah, I don’t know how, but I need to now

    ฉันได้ถูกปล้นตลอดเวลาในตอนที่ฉันนอนหลับ
    แล้วความคิดของฉันก็เริ่มตกเลือด
    ฉันอยากจะไป แต่ฉันไม่รู้จะทำอย่างไร
    ใช่แล้ว ฉันไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ตอนนี้ฉันอยากไปแล้ว

    I can feel your love pullin’ me up from the underground, and
    I don’t need my drugs, we could be more than just part-time lovers
    I can feel your touch pickin’ me up from the underground, and
    I don’t need my drugs, we could be more than just part-time lovers
    I can feel your touch pickin’ me up from the underground, and
    I don’t need my drugs, we could be more than just part-time lovers

    ฉันรู้สึกถึงความรักของคุณ ที่กำลังดึงฉันขึ้นมาจากใต้ดิน
    ฉันไม่ต้องการยาของฉันอีกแล้ว เราอาจเป็นได้มากกว่าแค่คนรักชั่วคราว
    ฉันรู้สึกถึงการสัมผัสของคุณ ที่กำลังหยิบฉันขึ้นมาจากพื้น
    ฉันไม่ต้องการยาของฉันอีกแล้ว เราอาจเป็นได้มากกว่าแค่คนรักชั่วคราว
    ฉันรู้สึกถึงการสัมผัสของคุณ ที่กำลังหยิบฉันขึ้นมาจากพื้น
    ฉันไม่ต้องการยาของฉันอีกแล้ว เราอาจเป็นได้มากกว่าแค่คนรักชั่วคราว

    (We could be) We could be more than just part-time lovers
    (Part-time lovers, yeah)
    (More than, more than lovers)
    We could be more than just part-time lovers

    เราอาจเป็นได้มากกว่าแค่คนรักชั่วคราว
    (คนรักชั่วคราว ใช่แล้ว)
    (มากกว่า มากกว่าคนรัก)
    เราอาจเป็นได้มากกว่าแค่คนรักชั่วคราว

    Can you hear me? S.O.S.
    Help me put my mind to rest

    คุณได้ยินฉันไหม S.O.S.
    ช่วยฉันให้ได้ผ่อนคลายความคิดของฉัน

  • Alan Walker – On My Way (feat. Sabrina Carpenter & Farruko) แปลเพลงสากล


    On My Way เป็นเพลงของนักดนตรีและโปรดิวเซอร์เพลงอิเล็กทรอนิกส์ชาวนอร์เวย์ Alan Walker ที่ได้ร่วมร้องกับนักร้องหญิงชาววอเมริกัน Sabrina Carpenter และนักร้องชาวเปอร์โตริโก Farruko เพลงได้เปิดตัวเป็นซิงเกิลใน 21 มีนาคม 2019 โดยค่ายเพลง MER และ Sony Music เพลงได้เขียนโดย Julia Karlsson, Gunnar Greve, Franklin Jovani Martinez, Marcos G. Pérez, Fredrik Borch Olsen, Jesper Borgen, Øyvind Sauvik, Anders Frøen และ Anton Rundberg พร้อมกับ Walker, Carpenter และ Farruko ในขณะที่การดำเนินการผลิตนั้นควบคุมโดย Alan Walker และในเนื้อเพลงนั้นพูดเกี่ยวกับการออกจากความสัมพันธ์ที่แย่ และเพลงนี้ยังถูกใช้เป็นเพลงประกอบในเกมส์ PUBG Mobile อีกด้วย วันนี้เราจะมาแปลเพลงนี้กัน


    I’m sorry but
    Don’t wanna talk, I need a moment before I go
    It’s nothing personal
    I draw the blinds
    They don’t need to see me cry
    ‘Cause even if they understand
    They don’t understand

    ฉันขอโทษแต่
    ฉันไม่อยากพูด ฉันขอเวลาสักพักก่อนจะไป
    มันไม่มีอะไรเป็นส่วนตัว
    ฉันดึงผ้าม่านลงมา
    พวกเขาไม่ต้องการเห็นฉันร้องไห้
    เพราะแม้ว่าพวกเขาจะเข้าใจ
    แต่ที่จริงแล้วพวกเขาก็ไม่เข้าใจ

    So then when I’m finished
    I’m all ’bout my business and ready to save the world
    I’m taking my misery
    Make it my bitch; can’t be everyone’s favorite girl

    ดังนั้นเมื่อฉันเสร็จแล้ว
    ฉันจะทำภาระกิจของฉัน และพร้อมที่จะช่วยโลก
    ฉันกำลังตกที่นั่งลำบาก
    บอกกับตัวเองว่าต้องทำให้ได้ ฉันไม่สามารถเป็นคนโปรดของทุกคนได้

    So take aim and fire away
    I’ve never been so wide awake
    No, nobody but me can keep me safe
    And I’m on my way
    The blood moon is on the rise
    The fire burning in my eyes
    No, nobody but me can keep me safe
    And I’m on my way

    ดังนั้นตั้งเป้าหมายและลงมือทำ
    ฉันไม่เคยตื่นตัวขนาดนี้มาก่อน
    ไม่มีใครสามารถช่วยให้ฉันปลอดภัยได้นอกจากฉัน
    และฉันกำลังไป
    พระจันทร์สีเลือดได้โผล่ขึ้นมาแล้ว
    ดวงตาของฉันกำลังลุกเป็นไฟ
    ไม่มีใครสามารถช่วยให้ฉันปลอดภัยได้นอกจากฉัน
    และฉันกำลังไป

    Lo siento mucho (Farru), pero me voy (Eh)
    Porque a tu lado me di cuenta que nada soy (Eh-ey)
    Y me cansé de luchar y de guerrear en vano
    De estar en la línea de fuego y de meter la mano
    Acepto mis errore’, también soy humano
    Y tú no ve’ que lo hago porque te amo (Pum-pum-pum-pum)

    ฉันขอโทษจริงๆ แต่ฉันต้องไปแล้ว
    เพราะว่าเมื่ออยู่ข้างคุณ ฉันคิดว่าฉันไม่มีค่าอะไรเลย
    และฉันได้เหนื่อยมากแล้ว กับการต่อสู้ในสงครามแห่งสายเลือด
    เพื่อที่จะเข้าไปอยู่ในกองไฟ และตอนนี้ฉันวางมือจากคุณ
    ฉันยอมรับข้อผิดพลาดของฉัน ฉันยังคงเป็นมนุษย์อยู่
    และแม้คุณไม่เห็น แต่ที่ฉันทำเพราะว่าฉันรักคุณ

    Pero ya (Ya) no tengo más na’ que hacer aquí (Aquí)
    Me voy, llegó la hora ‘e partir (Partir)
    De mi propio camino, seguir lejos de ti

    แต่ถึงตอนนี้แล้ว ฉันก็ไม่มีอะไรเหลือที่ต้องทำที่นี่
    ฉันกำลังจะไป มันถึงเวลาที่ฉันต้องไปแล้ว
    ตามทางเดินของฉัน เพื่อออกห่างจากคุณ

    So take aim and fire away
    I’ve never been so wide awake
    No, nobody but me can keep me safe
    And I’m on my way
    The blood moon is on the rise (Is on the rise, na-na)
    The fire burning in my eyes (The fire burning in my eyes)
    No, nobody but me can keep me safe
    And I’m on my way

    ดังนั้นตั้งเป้าหมายและลงมือทำ
    ฉันไม่เคยตื่นตัวขนาดนี้มาก่อน
    ไม่มีใครสามารถช่วยให้ฉันปลอดภัยได้นอกจากฉัน
    และฉันกำลังไป
    พระจันทร์สีเลือดได้โผล่ขึ้นมาแล้ว
    ดวงตาของฉันกำลังลุกเป็นไฟ
    ไม่มีใครสามารถช่วยให้ฉันปลอดภัยได้นอกจากฉัน
    และฉันกำลังไป

    I’m on my way
    Everybody keep me safe
    Everybody keep me safe
    Everybody keep me safe
    Everybody, everybody on my way

    ฉันกำลังไป
    ทุกคนทำให้ฉันปลอดภัย
    ทุกคนทำให้ฉันปลอดภัย
    ทุกคนทำให้ฉันปลอดภัย
    ทุกคน ฉันกำลังไป

    So take aim and fire away
    I’ve never been so wide awake
    No, nobody but me can keep me safe
    And I’m on my way
    The blood moon is on the rise
    The fire burning in my eyes
    No, nobody but me can keep me safe
    And I’m on my way

    ดังนั้นตั้งเป้าหมายและลงมือทำ
    ฉันไม่เคยตื่นตัวขนาดนี้มาก่อน
    ไม่มีใครสามารถช่วยให้ฉันปลอดภัยได้นอกจากฉัน
    และฉันกำลังไป
    พระจันทร์สีเลือดได้โผล่ขึ้นมาแล้ว
    ดวงตาของฉันกำลังลุกเป็นไฟ
    ไม่มีใครสามารถช่วยให้ฉันปลอดภัยได้นอกจากฉัน
    และฉันกำลังไป

  • Clean Bandit – Rather Be (feat. Jess Glynne) แปลเพลงสากล


    Rather Be เป็นเพลงของกลุ่มวงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ชาวอังกฤษ Clean Bandit และได้ร่วมร้องกับนักร้องและนักเขียนเพลงหญิงชาวอังกฤษ Jess Glynne เพลงได้เปิดตัวใน 17 มกราคม 2014 เป็นซิงเกิลที่สี่จากการเปิดตัวอัลบั้มสตูดิโอของพวกเขา New Eyes (2014) เพลงได้ถูกเขียนโดย Jack Patterson, James Napier, Nicole Marshall และ Grace Chatto ในขณะที่การดำเนินการผลิตนั้นควบคุมโดย Grace Chatto และ Jack Patterson ในเนื้อเพลงนั้นพูดถึงความสุขที่เธอได้อยู่กับคนที่เธอรัก ไม่ว่ามันเป็นที่ไหนก็ตามเธอก็พอใจที่จะได้อยู่กับเขา วันนี้เรามาแปลเพลงนี้กัน


    Oh
    We’re a thousand miles from comfort, we have traveled land and sea
    But as long as you are with me, there’s no place I’d rather be
    I would wait forever, exalted in the scene
    As long as I am with you, my heart continues to beat

    โอ้
    เราอยู่ห่างจากความสะดวกสบายนันพันไมล์ เราได้เดินทางไปทั้งแผ่นดินและทะเล
    แต่ตราบใดที่คุณอยู่กับฉัน ก็ไม่มีที่ไหนที่ฉันอยากจะไป
    ฉันจะรอคุณตลอดไป รอคุณอย่างมีความสุขบนเวที
    ตราบใดที่คุณอยู่กับฉัน หัวใจของฉันก็สามารถเต้นได้ต่อไป

    With every step we take, Kyoto to The Bay
    Strolling so casually
    We’re different and the same, gave you another name
    Switch up the batteries

    กับทุกก้าวที่เราได้เดิน จากเกียวโตถึงอ่าว
    เราเดินไปเรื่อยๆ อย่างสบาย
    เราทั้งมีทั้งข้อแตกต่างและเหมือนกัน และฉันมอบอีกชื่อให้กับคุณ
    แล้วเราก็เริ่มชาร์จแบตเตอรี่

    If you gave me a chance I would take it
    It’s a shot in the dark but I’ll make it
    Know with all of your heart, you can’t shame me
    When I am with you, there’s no place I’d rather be
    N-n-n-no, no, no, no place I’d rather be
    N-n-n-no, no, no, no place I’d rather be
    N-n-n-no, no, no, no place I’d rather be
    Ooh ooh

    ถ้าคุณมอบโอกาสให้ฉัน ฉันจะคว้ามันเอาไว้
    มันเป็นเหมือนการยิงปืนในที่มืด แต่ฉันจะทำมันให้ได้
    คุณก็รู้แก่ใจของคุณ ว่าคุณไม่สามารถทำให้ฉันอับอายได้
    เมื่อคุณอยู่กับฉัน ก็ไม่มีที่ไหนที่ฉันอยากจะไป
    ไม่ ไม่มีที่ไหนที่ฉันอยากจะไป
    ไม่ ไม่มีที่ไหนที่ฉันอยากจะไป
    ไม่ ไม่มีที่ไหนที่ฉันอยากจะไป
    โอ้ โอ้

    We staked out on a mission to find our inner peace
    Make it everlasting so nothing’s incomplete
    It’s easy being with you, sacred simplicity
    As long as we’re together, there’s no place I’d rather be

    เราได้เริ่มภาระกิจเพื่อค้นหาความสงบสุขที่แท้จริงของเรา
    ทำให้มันคงทนอยู่ตลอดไป ดังนั้นจึงไม่มีอะไรสมบูรณ์
    มันเป็นเรื่องง่ายเมื่ออยู่กับคุณ เป็นเรื่องง่ายที่ไม่อาจล่วงเกิน
    ตราบใดที่เรายังอยู่ด้วยกัน ก็ไม่มีที่ไหนที่ฉันอยากจะไป

    With every step we take, Kyoto to The Bay
    Strolling so casually
    We’re different and the same, gave you another name
    Switch up the batteries

    กับทุกก้าวที่เราได้เดิน จากเกียวโตถึงอ่าว
    เราเดินไปเรื่อยๆ อย่างสบาย
    เราทั้งมีทั้งข้อแตกต่างและเหมือนกัน และฉันมอบอีกชื่อให้กับคุณ
    แล้วเราก็เริ่มชาร์จแบตเตอรี่

    If you gave me a chance I would take it
    It’s a shot in the dark but I’ll make it
    Know with all of your heart, you can’t shame me
    When I am with you, there’s no place I’d rather be
    N-n-n-no, no, no, no place I’d rather be
    N-n-n-no, no, no, no place I’d rather be
    N-n-n-no, no, no, no place I’d rather be

    ถ้าคุณมอบโอกาสให้ฉัน ฉันจะคว้ามันเอาไว้
    มันเป็นเหมือนการยิงปืนในที่มืด แต่ฉันจะทำมันให้ได้
    คุณก็รู้แก่ใจของคุณ ว่าคุณไม่สามารถทำให้ฉันอับอายได้
    เมื่อคุณอยู่กับฉัน ก็ไม่มีที่ไหนที่ฉันอยากจะไป
    ไม่ ไม่มีที่ไหนที่ฉันอยากจะไป
    ไม่ ไม่มีที่ไหนที่ฉันอยากจะไป
    ไม่ ไม่มีที่ไหนที่ฉันอยากจะไป

    When I am with you, there’s no place I’d rather be (Yeah)

    เมื่อฉันอยู่กับคุณ ก็ไม่มีที่ไหนที่ฉันอยากจะไป

    Hoo
    (Be)
    Yeah-e-yeah-e-yeah-e-yeah-e-yeah, yeah, yeah

    โฮ
    (Be)
    ใช่แล้ว ใช่แล้ว ใช่แล้ว

    If you gave me a chance I would take it
    It’s a shot in the dark but I’ll make it
    Know with all of your heart, you can’t shame me
    When I am with you, there’s no place I’d rather be
    N-n-n-no, no, no, no place I’d rather be
    N-n-n-no, no, no, no place I’d rather be
    N-n-n-no, no, no, no place I’d rather be

    ถ้าคุณมอบโอกาสให้ฉัน ฉันจะคว้ามันเอาไว้
    มันเป็นเหมือนการยิงปืนในที่มืด แต่ฉันจะทำมันให้ได้
    คุณก็รู้แก่ใจของคุณ ว่าคุณไม่สามารถทำให้ฉันอับอายได้
    เมื่อคุณอยู่กับฉัน ก็ไม่มีที่ไหนที่ฉันอยากจะไป
    ไม่ ไม่มีที่ไหนที่ฉันอยากจะไป
    ไม่ ไม่มีที่ไหนที่ฉันอยากจะไป
    ไม่ ไม่มีที่ไหนที่ฉันอยากจะไป

    When I am with you, there’s no place I’d rather be

    เมื่อฉันอยู่กับคุณ ก็ไม่มีที่ไหนที่ฉันอยากจะไป

  • The Chainsmokers – Last Day Alive (feat. Florida Georgia Line) แปลเพลงสากล


    Last Day Alive เป็นเพลงของคู่หูนักดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ชาวอเมริกัน The Chainsmokers และได้ร่วมร้องกับคู่หูนักร้องและนักเขียนเพลงคันทรีชาวอเมริกัน Florida Georgia เพลงได้เปิดตัวใน 7 เมษายน 2017 เป็นซิงเกิลที่สิบสองจากอัลบั้มเปิดตัวของเขา Memories…Do Not Open (2017) เพลงได้ถูกเขียนโดย Ido Zmishlany, Dan Reynolds และ Andrew Taggart ในขณะที่การดำเนินการผลิตนั้นควบคุมโดย Joey Moi และ The Chainsmokers โดยในเนื้อเพลงนั้นเล่าเกี่ยวกับวัยรุ่นที่ใช้ชีวิตของพวกเขาให้เต็มที่ โดยการคิดว่าพวกเขาจะตายในวันนี้พรุ่งนี้ ดังนั้นเพลงต้องการจะบอกกับเราว่าให้คุณใช้ชีวิตของคุณให้เต็มที่และสนุกกับมันให้มากที่สุด ทำเหมือนกับว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายของคุณที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้นั่นเอง วันนี้เราจะมาแปลเพลงนี้กัน


    Run into the bright lights most nights, now or never
    Always and forever the last day alive
    The last day alive

    วิ่งไปเข้าไปในแสงสว่างแทบทุกคืน ทำตอนนี้หรือไม่ทำ
    ฉันทำอยู่เสมอและตลอดไป จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
    วันสุดท้ายของชีวิต

    Bottled up in adolescence
    Bottom up forbidden essence
    Twisted up in adolescence
    Waking up within your arms
    Feel alive and dangerous
    You’re dangerous, we’re dangerous

    เติบโตขึ้นมาเป็นวัยรุ่น
    ก่อตัวขึ้นมาเป็นแก่นแท้ที่ถูกต้องห้าม
    บิดตัวขึ้นมาในวัยหนุ่มสาว
    ฉันตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของคุณ
    รู้สึกมีชีวิตท่ามกลางภัยอันตราย
    คุณเป็นภัยอันตราย เราเป็นภัยอันตราย

    Run into the bright lights most nights, now or never
    Always and forever the last day alive
    The last day alive

    วิ่งไปเข้าไปในแสงสว่างแทบทุกคืน ทำตอนนี้หรือไม่ทำ
    ฉันทำอยู่เสมอและตลอดไป จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
    วันสุดท้ายของชีวิต

    Now or never, it’s now or never
    Now or never, it’s now or never (the last day alive)
    Now or never, it’s now or never
    Now or never, it’s now or never (the last day alive)

    ตอนนี้หรือไม่ทำ ทำมันตอนนี้หรือไม่ทำ
    ตอนนี้หรือไม่ทำ ทำมันตอนนี้หรือไม่ทำ (วันสุดท้ายของชีวิต)
    ตอนนี้หรือไม่ทำ ทำมันตอนนี้หรือไม่ทำ
    ตอนนี้หรือไม่ทำ ทำมันตอนนี้หรือไม่ทำ (วันสุดท้ายของชีวิต)

    Promises within the air
    Drowning in love affair
    The night is young and we are young

    คำสัญญาที่อยู่ในอากาศ
    กำลังจมลงไปในเรื่องราวของความรัก
    คืนนี้ยังไม่ดึกมาก และเรายังเป็นหนุ่มสาว

    Run into the bright lights most nights, now or never
    Always and forever the last day alive
    The last day alive

    วิ่งไปเข้าไปในแสงสว่างแทบทุกคืน ทำตอนนี้หรือไม่ทำ
    ฉันทำอยู่เสมอและตลอดไป จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
    วันสุดท้ายของชีวิต

    Now or never, it’s now or never
    Now or never, it’s now or never (the last day alive)
    Now or never, it’s now or never
    Now or never, it’s now or never (the last day alive)
    The last day alive

    ตอนนี้หรือไม่ทำ ทำมันตอนนี้หรือไม่ทำ
    ตอนนี้หรือไม่ทำ ทำมันตอนนี้หรือไม่ทำ (วันสุดท้ายของชีวิต)
    ตอนนี้หรือไม่ทำ ทำมันตอนนี้หรือไม่ทำ
    ตอนนี้หรือไม่ทำ ทำมันตอนนี้หรือไม่ทำ (วันสุดท้ายของชีวิต)
    วันสุดท้ายของชีวิต

    Run into the bright lights most nights, now or never
    Always and forever the last day alive
    The last day alive

    วิ่งไปเข้าไปในแสงสว่างแทบทุกคืน ทำตอนนี้หรือไม่ทำ
    ฉันทำอยู่เสมอและตลอดไป จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
    วันสุดท้ายของชีวิต

    Now or never, it’s now or never
    Now or never, it’s now or never (the last day alive)
    Now or never, it’s now or never
    Now or never, it’s now or never
    The last day alive
    The last day alive
    The last day alive

    ตอนนี้หรือไม่ทำ ทำมันตอนนี้หรือไม่ทำ
    ตอนนี้หรือไม่ทำ ทำมันตอนนี้หรือไม่ทำ (วันสุดท้ายของชีวิต)
    ตอนนี้หรือไม่ทำ ทำมันตอนนี้หรือไม่ทำ
    ตอนนี้หรือไม่ทำ ทำมันตอนนี้หรือไม่ทำ
    วันสุดท้ายของชีวิต
    วันสุดท้ายของชีวิต
    วันสุดท้ายของชีวิต

  • Dan + Shay – Speechless แปลเพลงสากล


    Speechless นั้นเป็นเพลงของคู่หู นักร้องคันทรีชาวอเมริกัน Dan + Shay เพลงได้เปิดตัวใน 6 สิงหาคม 2018 โดยค่ายเพลง Warner Nashville เป็นซิงเกิลที่เจ็ดจากอัลบั้มสตูดิโอที่สามของพวกเขา Dan + Shay (2018) เพลงได้ถูกเขียนโดย Dan Smyers, Shay Mooney, Jordan Reynolds และ Laura Veltz ในขณะที่การดำเนินการผลิตนั้นควบคุมโดย Scott Hendricks และ Dan Smyers ในเนื้อเพลงนั้นเป็นการพูดเกี่ยวกับการที่เขาได้หลงในในความสวยงามของคนรักของเขา จนทำให้เขาถึงกับพูดไม่ออกไปเลย ไม่ว่าจะได้เห็นเธอสักกี่ครั้งก็ตาม วันนี้เราจะมาแปลเพลงนี้กัน


    You say you’ll be down in five
    The smell of your perfume is floating down the stairs
    You’re fixing up your hair like you do
    I know that I’ll be a mess
    The second that I see you
    You won’t be surprised
    It happens every time
    It’s nothing new

    คุณบอกว่าคุณจะลงมาในอีกห้านาที
    กลิ่นน้ำหอมของคุณนั้นลอยลงมาจากบันได
    คุณกำลังจัดทรงผมทรงเดิมเหมือนที่คุณเคยทำ
    ฉันรู้ว่ามันจะต้องทำให้ฉันบ้าแน่ๆ
    เมื่อฉันได้เห็นคุณเป็นครั้งที่สอง
    คุณจะไม่แปลกใจเลย
    มันเกิดขึ้นทุกครั้งที่ฉันได้เห็นคุณ
    มันไม่ใช่เรื่องใหม่เลย

    It’s always on a night like tonight
    I think that you can read my mind
    ‘Cause when you look at me with those eyes

    มันเป็นคืนที่เหมือนกับคืนนี้เสมอ
    ฉันคิดว่าคุณสามารถอ่านความคิดของฉันได้
    เพราะเมื่อคุณมองมาที่ฉันกับดวงตาคู่นั้นของคุณ

    I’m speechless
    Staring at you, standing there in that dress
    What it’s doing to me, ain’t a secret
    ‘Cause watching you is all that I can do
    And I’m speechless
    You already know that you’re my weakness
    After all this time I’m just as nervous
    Every time you walk into the room
    I’m speechless

    ฉันพูดไม่ออก
    ได้แต่จ้องมองคุณ ที่ยืนอยู่ในกระโปรงชุดนั้น
    สิ่งที่มันทำกับฉัน ไม่ใช่ความลับอะไร
    เพราะการมองดูคุณนั้นเป็นทุกอย่างที่ฉันทำได้
    และฉันพูดไม่ออก
    คุณก็รู้อยู่แล้วว่าคุณนั้นทำให้ฉันมีจุดอ่อน
    หลังจากเวลานี้มันทำให้ฉันแทบจะบ้า
    ทุกๆ ครั้งที่ฉันเดินเข้ามาในห้องของคุณ
    ฉันพูดไม่ออก

    It started when you said hello
    Just did something to me
    And I’ve been in a daze
    Ever since the day that we meet
    You take the breath out of my lungs
    Can’t even fight it
    And all of the words out of my mouth without even trying

    มันเริ่มต้นขึ้นเมื่อคุณกล่าวทักทายฉัน
    คุณเพิ่งได้ทำบางอย่างกับฉัน
    และฉันก็ได้ตกตะลึง
    ตั้งแต่วันที่เราได้พบกันครั้งแรก
    คุณทำให้ฉันสามารถหายใจได้เต็มปอด
    ฉันไม่สามารถต่อสู้กับมันได้เลย
    และคำพูดทั้งหมดได้ออกมาจากปากของฉัน โดยไม่ต้องพยายามเลย

    And I’m speechless
    Staring at you, standing there in that dress
    What it’s doing to me, ain’t a secret
    ‘Cause watching you is all that I can do
    And I’m speechless
    You already know that you’re my weakness
    After all this time I’m just as nervous
    Every time you walk into the room
    I’m speechless, yeah baby

    และฉันพูดไม่ออก
    ได้แต่จ้องมองคุณ ที่ยืนอยู่ในกระโปรงชุดนั้น
    สิ่งที่มันทำกับฉัน ไม่ใช่ความลับอะไร
    เพราะการมองดูคุณนั้นเป็นทุกอย่างที่ฉันทำได้
    และฉันพูดไม่ออก
    คุณก็รู้อยู่แล้วว่าคุณนั้นทำให้ฉันมีจุดอ่อน
    หลังจากเวลานี้มันทำให้ฉันแทบจะบ้า
    ทุกๆ ครั้งที่ฉันเดินเข้ามาในห้องของคุณ
    ฉันพูดไม่ออก ที่รัก

    It’s always on a night like tonight
    I think that you can read my mind
    ‘Cause when you look at me with those eyes

    มันเป็นคืนที่เหมือนกับคืนนี้เสมอ
    ฉันคิดว่าคุณสามารถอ่านความคิดของฉันได้
    เพราะเมื่อคุณมองมาที่ฉันกับดวงตาคู่นั้นของคุณ

    I’m speechless
    You’re standing there in that dress
    Girl it ain’t a secret
    ‘Cause watching you is all that I can do, oh
    I’m speechless
    You already know that you’re my weakness
    After all this time I’m just as nervous
    Every time you walk into the room
    I’m speechless

    ฉันพูดไม่ออก
    ได้แต่จ้องมองคุณ ที่ยืนอยู่ในกระโปรงชุดนั้น
    ที่รัก มันไม่ใช่ความลับอะไร
    เพราะการมองดูคุณนั้นเป็นทุกอย่างที่ฉันทำได้
    และฉันพูดไม่ออก
    คุณก็รู้อยู่แล้วว่าคุณนั้นทำให้ฉันมีจุดอ่อน
    หลังจากเวลานี้มันทำให้ฉันแทบจะบ้า
    ทุกๆ ครั้งที่ฉันเดินเข้ามาในห้องของคุณ
    ฉันพูดไม่ออก

    Oh, you know it, baby, oh oh

    โอ้ คุณก็รู้ ที่รัก โอ้ โอ้

  • Will Young – All The Song แปลเพลงสากล

    https://www.youtube.com/watch?v=IycZ16vfgdg


    เพลง All The Song เป็นเพลงของนักร้องนักแสดงชาวอังกฤษ Will Young เพลงนี้ถูกปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2019 อยู่ในอัลบั้ม Lexicon เนื้อเพลงพูดถึงเพลงที่เขาเปิดฟัง มันย้ำเตือนให้เขาคิดถึงแฟนเก่า และทำให้ความรู้สึกเสียใจกลับมา วันนี้เรามาแปลเพลงนี้กันค่ะ


    Walking along
    Everything’s good and I haven’t felt this in so long
    I get on the phone
    My friends tell me they saw you dancing last night and I burn up
    I might be alright
    But I know you’re dancing with somebody else to our song
    Beginning to cry
    That I’m not the one in your arms, just feels so wrong

    ผมเดินไปเรื่อยๆ
    ทุกสิ่งดูดี และผมไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแล้ว
    ผมได้รับโทรศัพท์
    เพื่อนของผมบอกว่า เมื่อคืนนี้พวกเขาเห็นคุณเต้น และนั่นทำให้ผมเสียใจ
    ผมต้องไม่เป็นอะไร
    แต่ผมรู้ว่า คุณกำลังเต้นกับคนอื่นผ่านเพลงของเรา
    ผมเริ่มร้องไห้
    เพราะผมไม่ใช่เพียงคนเดียวที่อยู่ในอ้อมแขนของคุณ และผมรู้สึกผิดปกติ

    Only takes a spark to light this flame
    Lose my breath, my body starts to shake
    I just don’t know if there’s more I can take
    I’m close to breaking (Breaking)

    แค่เพียงประกายไฟเล็กๆ ก่อให้เกิดเปลวไฟในใจผม
    ผมแทบหายใจไม่ออก ร่างกายของผมเริ่มสั่น
    ผมแค่ไม่รู้ว่าความรู้สึกเหล่านี้มันมากเกินกว่าที่ผมจะรับไหวรึเปล่า
    หัวใจของผมใกล้แตกสลายแล้ว

    Can’t escape, from these chains
    All the songs remind me of you
    All this pain, when will it end?
    All the songs remind me of you
    (Deep in my heart, deep in my heart)
    All the songs remind me of you
    (Deep in my heart, deep in my heart)
    All the songs remind me of you

    ผมไม่สามารถหลบหนี จากโซ่รักที่มันมัดผมไว้ได้
    ทุกๆ เพลงมันย้ำเตือนให้ผมคิดถึงคุณ
    ทุกความเจ็บปวด เมื่อไหร่ที่มันจะจบลง?
    ทุกๆ เพลงมันย้ำเตือนให้ผมคิดถึงคุณ
    (ในส่วนลึกของใจผม ในส่วนลึกของใจผม)
    ทุกๆ เพลงมันย้ำเตือนให้ผมคิดถึงคุณ
    (ในส่วนลึกของใจผม ในส่วนลึกของใจผม)
    ทุกๆ เพลงมันย้ำเตือนให้ผมคิดถึงคุณ

    Everyday
    It feels dangerous driving along with the radio on
    I’m living in fear
    All of my heart, all of my joy, wrapped up in these songs

    ทุกๆ วัน
    การเปิดวิทยุฟังเพลงขณะขับรถ มันช่างอันตราย
    ผมใช้ชีวิตอยู่บนความกลัว
    ทั้งหมดของหัวใจผม ความสุขทั้งหมดของผม ถูกเพลงพวกนี้ห่อเอาไว้

    Can’t escape, from these chains
    All the songs remind me of you
    All this pain, when will it end?
    All the songs remind me of you
    Remind me of you
    Remind me of you
    (Deep in my heart, deep in my heart)
    All the songs remind me of you
    (Deep in my heart, deep in my heart)
    All the songs remind me of you

    ผมไม่สามารถหลบหนี จากโซ่รักที่มันมัดผมไว้ได้
    ทุกๆ เพลงมันย้ำเตือนให้ผมคิดถึงคุณ
    ทุกความเจ็บปวด เมื่อไหร่ที่มันจะจบลง?
    ทุกๆ เพลงมันย้ำเตือนให้ผมคิดถึงคุณ
    ย้ำเตือนให้ผมคิดถึงคุณ
    ย้ำเตือนให้ผมคิดถึงคุณ
    (ในส่วนลึกของใจผม ในส่วนลึกของใจผม)
    ทุกๆ เพลงมันย้ำเตือนให้ผมคิดถึงคุณ
    (ในส่วนลึกของใจผม ในส่วนลึกของใจผม)
    ทุกๆ เพลงมันย้ำเตือนให้ผมคิดถึงคุณ

    Everyday step I walk away
    Leads me back to you
    All these songs playing in my mind
    Leads me back to you (Woah)

    ทุกๆ วัน ผมก้าวเดินออกไป
    และมันนำทางให้ผมกลับไปหาคุณ
    เพลงทั้งหมดวนเวียนอยู่ในหัวของผม
    ทำให้ผมกลับไปหาคุณ

    Only takes a spark to light this flame
    Lose my breath, my body starts to shake
    I just don’t know if there’s more I can take
    I’m close to breaking (Breaking)

    แค่เพียงประกายไฟเล็กๆ ก่อให้เกิดเปลวไฟในใจผม
    ผมแทบหายใจไม่ออก ร่างกายของผมเริ่มสั่น
    ผมแค่ไม่รู้ว่าความรู้สึกเหล่านี้มันมากเกินกว่าที่ผมจะรับไหวรึเปล่า
    หัวใจของผมใกล้แตกสลายแล้ว


    ผู้แปล: สำหรับท่อน Only takes a spark to light this flame ประกายไฟเล็กๆ คงหมายถึง การที่เพื่อนเธอมาบอกว่าเธอยืนเต้นกับคนอื่น แต่ทำให้ผมเสียใจมากขนาดนี้(ราวกับมีคนมาจุดเปลวไฟในหัวใจ)

    (Deep in my heart, deep in my heart)
    All the songs remind me of you
    (Deep in my heart, deep in my heart)
    All the songs remind me of you
    Only takes a spark to light this flame
    Lose my breath, my body starts to shake
    I just don’t know if there’s more I can take
    I’m close to breaking

    (ในส่วนลึกของใจผม ในส่วนลึกของใจผม)
    ทุกๆ เพลงมันย้ำเตือนให้ผมคิดถึงคุณ
    (ในส่วนลึกของใจผม ในส่วนลึกของใจผม)
    ทุกๆ เพลงมันย้ำเตือนให้ผมคิดถึงคุณ
    แค่เพียงประกายไฟเล็กๆ ก่อให้เกิดเปลวไฟในใจผม
    ผมแทบหายใจไม่ออก ร่างกายของผมเริ่มสั่น
    ผมแค่ไม่รู้ว่าความรู้สึกเหล่านี้มันมากเกินกว่าที่ผมจะรับไหวรึเปล่า
    หัวใจของผมใกล้แตกสลายแล้ว